Review / Accessories
Furutech Origin Power NCF (R) สายไฟเอซีที่จะเปลี่ยนแปลงคุณภาพเสียงไปตลอดกาล

Furutech Origin Power NCF (R) สายไฟเอซีที่จะเปลี่ยนแปลงคุณภาพเสียงไปตลอดกาล สายไฟเอซี เป็นปฐมบทของการปรับปรุงเครื่องเสียงที่ถือว่า สมควรเปลี่ยนสำหรับเครื่องเสียงทุกประเภท ทั้งแหล่งโปรแกรม DAC หรือแอมปลิไฟร์ทั้งหลาย สายไฟระดับเครื่องเสียงไฮเอ็นด์ ของFurutech จากประเทศญี่ปุ่น มีการพัฒนามาอย่างยาวนาน เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป     Furutech มุ่งมั่นที่จะนำเสนออุปกรณ์เสียงคุณภาพสูงสุดในราคาที่เข้าถึงได้เสมอมา และซีรีส์ Origin ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ปรัชญานี้ สายไฟ Origin Power NCF (R) ประกอบด้วยตัวนำ α (Alpha) μ-OFC ของ Furutech ที่มั่นใจได้ถึงความสามารถในการนำไฟฟ้าและความบริสุทธิ์ของสัญญาณที่ดีเลิศ มอบประสบการณ์เสียงที่สมจริงและดื่มด่ำ ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ตรงตามมาตรฐานที่เข้มงวดเพื่อนักเล่นเครื่องเสียงระดับออดิโอไฟล์ และวิศวกรเสียงมืออาชีพ     ซีรีส์ Origin Furutech ได้กำหนดความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพระดับพรีเมียมและมูลค่าใหม่ ทำให้เสียงคุณภาพสูงสามารถเข้าถึงได้มากกว่าที่เคย    โครงสร้างโดยรวมของสายไฟรุ่นนี้ ด้วยคุณลักษณะพิเศษจาก Pure Transmission และวัสดุ NCF ของ Furutech เทคโนโลยี Pure Transmission ของ Furutech ได้รับการออกแบบด้วยความเอาใจใส่พิถีพิถันในทุกแง่มุมของพลังงานและการถ่ายโอนสัญญาณ โดยแก้ไขปัญหาทั่วไป เกี่ยวกับความต้านทานการสัมผัส สถานะความเป็นแม่เหล็กไฟฟ้า EMI และความสามารถในการป้องกัน RFI ด้วยวิศวกรรมที่เหมาะสมที่สุด โดยการใช้ประโยชน์จากวัสดุที่ดีที่สุดและกระบวนการขั้นสูง Furutech จึงมอบประสิทธิภาพที่ยอดเยี่ยมได้อย่างสม่ำเสมอ      การนำวัสดุ "NCF" อันล้ำสมัยของ Furutech มาใช้กับขั้วต่อเหล่านี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างสรรค์นวัตกรรม NCF ได้รับการออกแบบมาเป็นพิเศษเพื่อต่อต้านไฟฟ้าสถิต ช่วยลดการสั่นสะเทือนและขจัดเสียงรบกวนไฟฟ้าสถิตที่ไม่ต้องการ          ผลลัพธ์ที่ได้คือเวทีเสียงที่สะอาดขึ้น แม่นยำขึ้น ปราศจากสีสัน ทำให้เสียงที่แท้จริงจากแหล่งกำเนิดเสียงเปล่งประกายออกมาอย่างน่าประทับใจ      ในด้านรายละเอียดทางเทคนิคที่พิเศษกว่าใคร คุณสมบัติหลัก เป็นสายไฟที่ออกแบบมาอย่างสวยงามด้วยตัวนำ α (Alpha) μ-OFC ใช้ฉนวนโพลีเอทิลีนพิเศษที่ทนต่อแรงดันไฟฟ้าสูงและความร้อน ให้ความจุที่ต่ำกว่าและการหน่วงเชิงกลที่ดีกว่า      มีเทคโนโลยี Ground/Earth Jumper ที่ได้รับการจดสิทธิบัตร แม้ในระหว่างการใช้งานปกติทั่วไป สายเคเบิลทั่วไปก็ยังสร้างคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ไม่ต้องการขึ้นมาได้ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการรบกวนได้      โดยคลื่นดังกล่าวจะแสดงผลเด่นชัดที่สุดในบริเวณที่สายเคเบิลงอหรือพับ ดังนั้น "Earth Jumper" ของ Furutech แก้ไขปัญหานี้ด้วยการใช้แผ่นทองแดงที่สัมผัสกับสกรูยึด ต่อกับสายดิน ทำให้ศักย์แม่เหล็กไฟฟ้ามีเสถียรภาพ         ในการดูดซับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่ไม่ต้องการนี้ทำให้ระบบปรับปรุงคุณภาพเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดการสั่นสะเทือนจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าได้อย่างมาก ส่งผลให้เสียงที่ได้มีความชัดเจนและเสถียรมากขึ้น      มีกลไกการยึดสายแบบพิเศษเพื่อให้มีหน้าสัมผัสที่แน่นหนาและส่งกำลังได้อย่างบริสุทธิ์และเสถียร รวมถึงโครงสร้างของสายที่เป็นเอกลักษณ์ช่วยให้มีหน้าสัมผัสที่แน่นหนาที่สุดเท่าที่เคยมีมาในแวดวงสายไฟเอซี       ปลอก PVC ปลอดตะกั่วที่ยืดหยุ่นเป็นพิเศษ 3 ชั้นที่เป็นไปตามมาตรฐาน RoHS ***ช่วยแยกการสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น       สายไฟ Furutech Origin Power NCF (R) หุ้มฉนวนด้วยโพลีเอทิลีน (PE) ซึ่งช่วยลดความต้านทานที่เกิดจากความจุ ส่งผลให้มีความละเอียดของเสียงที่มากขึ้น ชัดเจนขึ้น ไดนามิกที่ทรงพลัง และเวทีเสียงที่เงียบเป็นพิเศษ      Preview  นับตั้งแต่ได้รับมาวันแรก ผมก็มานั่งวิเคราะห์ดูรูปทรงที่ขึงขังงดงาม และซ่อนคุณสมบัติชั้นยอดภายใน ตั้งแต่หัวขั้ว และท้ายขั้วสัญญาณ ไปจนถึงฉนวนห่อหุ้ม ที่ให้สัมผัสละมุน สามารถจัดให้โค้งงอไปตามช่องว่างด้านหลังเครื่องและผนังได้เป็นอย่างดี    เห็นเป็นสีขรึมๆ ขึงขัง แต่หาเจาะลึกองค์ประกอบภายใน จะพบว่าล้ำลึกมากกว่าที่เห็นมากมายนัก     • ในชั้นของตัวนำ ภายในบรรจุวัสดุตัวนำ 7 มัดจำนวน 35 เส้นแบบ α (Alpha) μ- OFC 0.18 มม. x 3 แกน -9AWG (หรือมีขนาด 6.22 sq.mm) รวมกับฉนวน โพลีเอทิลีที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 5.5 มม.      • มีปลอกหุ้มหนึ่งชั้นด้านในเป็นพีวีซีป้องกันการสั่นสะเทือน ที่เป็นไปตามมาตรฐาน RoHS โดยผสมผสานกับวัสดุ NCF พิเศษ และสารประกอบอนุภาคคาร์บอนเป็นวัสดุป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ (สีดำ) ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลาง 13.5 มม.        • เฉพาะส่วนของ “ชีลด์ภายใน” ที่ห่อหุ้ม ก็จะมีตัวนำ α (Alpha) μ–OFC 9 x 24 เส้น 0.12 มม. ถักทอหุัมไว้และมีปลอกหุ้ม 2 ชั้น (ตรงกลาง) ซึ่งประกอบด้วยอนุภาคคาร์บอนและพีวีซี สำหรับป้องกันการสั่นสะเทือนที่เป็นไปตามมาตรฐาน RoHS (สีดำ) • ด้านเปลือกนอกสุด มีปลอกหุ้ม 3 ปลอก หุ้มด้านนอกด้วยพีวีซียืดหยุ่นที่เป็นไปตามมาตรฐาน RoHS (สีน้ำเงินมุก) มีเส้นผ่านศูนย์กลาง 18.0 มม.     รูปลักษณ์ภายนอก ยังหุัมด้วยเส้นด้ายไนลอนที่เป็นไปตามมาตรฐาน RoHS ถัก ปลอกนอก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 19.0 มม.    เรียกว่าโครงสร้างอัดแน่นเทคโนโลยีเพียบเลยครับ สำหรับสายไฟเอซี ระดับไฮเอ็นด์ Furutech  Origin Power NCF (R)     ผลจากการทดสอบใช้งานเป็นอย่างไร ผมจะขอสรุปสั้นๆ เข้าใจง่าย ว่าสิ่งที่เราจะได้คือ   • พลังอัดฉีดเสียงนั้นดีขึ้นอย่างน่าทึ่งเลยทีเดียว • รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในระดับปลายเสียงที่ “หยุมหยิม ระยิบระยับ” เรียกว่าแทบไม่เคยได้ยิน ดีเทลแบบนี้จากสายไฟเอซี มาก่อนเลย • เสียงต่ำอิ่มขึ้น สมบูรณ์มากขึ้น มีการทอดยาวของเบส ให้ทั้งความกระชับ และหยุดสั่นค้างได้อย่างรวดเร็ว • ให้ความรู้สึกถึงเสียงที่เป็นธรรมชาติสมจริง ให้ความรู้สึกสะอาด แม่นยำขึ้น โดยเฉพาะช่วงมิดเร้นจ์  เสียงกลาง เสียงร้อง มีน้ำหนักยอดเยี่ยม โทนเสียงผ่อนคลาย • เวทีเสียงโอ่อ่า ความลึก-ตื้น หรือความกว้างของเวทีเสียงนั้น ให้มิติที่ดีเลิศเลยทีเดียวครับ      Furutech Origin Power NCF (R) คือสายไฟเส้นเดียว ที่สามารถเปลี่ยนและยกระดับคุณภาพเสียงอย่างชัดแจ้ง แม้จะเปลี่ยนแทนสายไฟเดิมลงไปเพียงเส้นเดียว ที่เครื่องแหล่งโปรแกรม หรือที่แอมป์ขยายเสียง ก็เห็นผลของการอิมพรูฟ ในเครื่องเสียงทั้งชุด ที่คุณจะต้องเซอร์ไพรส์ในทันที     จากผลการทดสอบ ถ้าจะต้องเลือกเปลี่ยน Origin Power NCF (R) กับจุดใดจุดหนึ่ง ขอแนะนำที่แหล่งโปรแกรมก่อนครับ มีผลลัพธ์อันชัดเจนที่สุด    ผลลัพธ์ต่อแหล่งโปรแกรม ไม่ว่าจะเป็น ซีดีเพลย์เยอร์ DAC หรือสตรีมเมอร์ มีผลมากจริงๆ หลังจากนั้นจะไปเปลี่ยนที่แอมปลิไฟร์ ในเส้นถัดไปก็ได้ครับ เนื่องจากสายรุ่นนี้ ราคาก็สูงตามคุณภาพไฮเอ็นด์ของเขานั่นละครับ      กล่าวสรุปแบบสั้นๆ ได้ว่าสายไฟเอซี Origin Power NCF (R) จาก Furutech คือ ปรากฏการณ์อัศจรรย์อย่างหนึ่งของวงการสายสัญญาณระดับออดิโอไฟล์ที่น่าตื่นเต้นประทับใจครับ Furutech Origin Power NCF (R)  ราคา 83,000.- บาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Clef Audio Co., Ltd. Tel: 0-2932-5981 หรือ LINE ID : @clefaudio  

KEF KW1 Wireless Subwoofer Adapter ตอบโจทย์เทคโนโลยีไร้สาย

KEF KW1 Wireless Subwoofer Adapter ตอบโจทย์เทคโนโลยีไร้สาย จากการทดสอบ KEF KUBE 12 MIE และการตัดสินใจนำเอา KEF KC62 ซับวูฟเฟอร์จิ๋วอัศจรรย์ มาประจำการในห้องฟังเป็นการส่วนตัว ซึ่งแน่นอนว่า หลักๆ เราจะต่อสายใน 2 รูปแบบในการใช้งาน      หนึ่งต่อจากช่อง line แบบ RCA (Line Input) หรือพ่วงด้วยสายลำโพง (Speaker Input) ที่ระบบของ KEF มีมาให้ทั้งสองรูปแบบ ในการฟังเพลง และดูหนัง Home Theater แต่ทางเลือกจากเทคโนโลยีของ KEF มีมากไปกว่านั้นคือ ทางเลือกที่สาม ระบบเชื่อมต่อไร้สาย      KEF ได้ออกแบบระบบ บ็อกซ์เชื่อมต่อไร้สาย มาให้ใช้งานด้วย KEF KW1 โดยจะเป็นกล่องอุปกรณ์ขนาดย่อม ที่สามารถนำมาใช้ได้กับซับวูฟเฟอร์ของ KEF ในรุ่น KUBE, KC62 และ KC92 ได้         ช่วยอำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้นสำหรับผู้ที่ใช้ระบบลำโพงของ KEF  KEF KW1 ทำให้เราสามารถวางซับวูฟเฟอร์ KEF ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดโดยไม่ต้องกังวลเรื่องสายเชื่อมต่อ การส่งสัญญาณแบบไร้สายที่มีคุณภาพสูง และ Latency ต่ำ ช่วยถ่ายทอดรายละเอียดและพลังเสียงจากภาพยนตร์และการฟังเพลงได้อย่างครบถ้วน      อุปกรณ์ชิ้นนี้ ประกอบด้วยตัวส่งสัญญาณ และตัวรับสัญญาณที่ออกแบบอย่างเรียบง่าย สามารถใช้งานร่วมกับแอคทีฟซับได้อย่างลงตัว      ตัวรับสัญญาณยังสามารถซื้อแยก หรือเพิ่มเติมได้ เพื่อให้สามารถใช้งานซับวูฟเฟอร์ KEF สองตัว ในการรับสัญญาณไร้สายเดียวกันจากตัวส่งสัญญาณเพียงตัวเดียว      KEF KW1 ดีไซน์ทางเทคนิคให้ทำงานบนย่านความถี่ 5.2GHz และ 5.8GHz หมดปัญหาการถูกรบกวนของคลื่น 2.4GHz ที่ถูกใช้งานจำนวนมากในระบบเสียงในปัจจุบัน โดยรองรับ Sampling Rate สูงถึง 24bit, 48KHz ทาง KEF การันตีว่า เสียงจึงคมชัดเสมือนต่อสาย มี Latency หรือค่าความหน่วงต่ำ ถึง <17ms (17 มิลลิวินาที) ให้การตอบสนองทันท่วงที ใกล้เคียงระบบสาย โดยเชื่อมต่อสัญญาณไร้สายได้ระยะไกลสูงสุด 30 เมตร (Line of Sight)      ทดลองใช้งาน KEF KW1      การนำ KEF KW1 มาใช้งานได้อย่างง่ายมากครับ แค่จัดเอา “ตัวส่ง” ต่ออะแดปเตอร์ไฟ แล้วไปผูกสัญญาณ (ต่อสาย RCA ) กับช่อง Sub Out ของแอมปลิไฟร์  และตัวรับก็นำมาต่อกับช่อง EXP (มีช่องต่อพินสี่พินเล็กๆ ในกรอบสี่เหลี่ยม) ที่ตู้ซับวูฟเฟอร์ของKEF เพียงเท่านี้เองครับ จากนั้นตัวรับและตัวส่ง จะ Pairing กันโดยอัตโนมัติ      ส่วนจะเลือกเป็นความถี่ 5.2 หรือ 5.8GHz เราทดลองกดเลือกดูได้ ซึ่งระบบของ KEF KW1 น่าจะเลือกต่อสัญญาณที่ดีที่สุดให้เป็นเบื้องต้นอยู่แล้ว      ผมได้นำ KW1 มาทดสอบร่วมกับซับวูฟเฟอร์สองรุ่น คือ KEF KC62 และ KEF KUBE 12 MIE       ในการทดสอบพบว่าให้ผลเป็นที่น่าพึงพอใจมากทีเดียว สำหรับการส่งสัญญาณแบบไร้สายของ KEF KW1 เพราะความกังวล อาจจะเป็นเรื่องของ “การดีเลย์” สำหรับระบบไร้สายที่เคยมีมาในอดีต      แต่จากการใช้งานเปรียบเทียบระหว่างสายต่อตรงกับการใช้ระบบไร้สายแบบนี้ของ KEF KW1 ผมว่าฟังออกยากนะครับ       ดูเหมือนว่าผมก็ยังไม่สามารถจับความแตกต่างได้จริงๆ ว่า มันมีการดีเลย์ หรือหน่วงเวลาของระบบไร้สายหรือไม่ เพราะเท่าที่ใช้งาน ราบรื่นต่อเนื่องดีมาก ทำให้เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับความเป็นอิสระในการเลือกตำแหน่งวางตู้ซับไปได้ทุกตำแหน่งภายในห้องฟัง บางช่วงเวลาในขณะเซ็ตอัพ ผมทดลองนำเอาซับวูฟเฟอร์แยกออกไปห่างมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ภายในห้อง ที่ 4-5 เมตร ก็ยังพบว่ามันสามารถทำงานได้อย่างฉับไวโดยไม่รู้สึกขาดตอน   เข้าใจว่า ระบบไร้สาย อาจจะมีการดีเลย์ได้บ้าง แต่เท่าที่ทดสอบใช้งาน KW1 การดีเลย์ก็ไม่ได้มากพอที่เราจะรับทราบได้ง่ายดาย แม้แต่ความพยายามของผมที่นั่งฟังทดสอบแบบ “จับผิด” กันทั้งวัน ก็ฟังไม่ออกนะครับ ยังต้องยอมรับว่า ระบบของ KEF KW1 ทำได้ดีมากๆ        ดังนั้นการใช้งานระบบไร้สายภายในห้องก็น่าจะเข้าขั้นเพอร์เฟคดีทีเดียว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความสะดวกไม่ต้องใช้สาย และในการเลือกตำแหน่งของตู้ซับค่อนข้างอิสระยิ่งขึ้นครับ KEF KW1 Wireless Subwoofer Adapter ราคา  7,990.- บาท สนใจสั่งซื้อ : https://www.vgadz.com/product/kef-kw1-wireless-subwoofer-adapter-black/ หรือติดต่อซื้อสินค้า KEF ได้ที่ตัวแทนจำหน่าย: https://www.vgadz.com/kef-dealer/ หรือติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่: บริษัท วีแกดซ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เลขที่ 9/7 ซ. รัชดาภิเษก 18 ถ. รัชดาภิเษก ห้วยขวาง กรุงเทพฯ โทร 02-692-5216

Rega Nd3 / Nd5 / Nd7 Magnet Cartridge พัฒนาการหัวเข็ม MM ที่จะเปลี่ยนมาตรฐานไปตลอดกาล

Rega Nd3 / Nd5 / Nd7 Magnet Cartridge พัฒนาการหัวเข็ม MM ที่จะเปลี่ยนมาตรฐานไปตลอดกาล       หลังจากได้สัมภาษณ์ รอย แกนดี้ เจ้าของและผู้ออกแบบ Rega ซึ่งเขาได้เปิดเผยว่า ทีม วิศวกรของบริษัทร่วมกันออกแบบหัวเข็มแผ่นเสียงชุดใหม่ ทั้งหัวเข็มแบบ MM และ MC  ซึ่งถือว่าเป็นนวัตกรรมใหม่ทั้งหมดของโครงสร้างและระบบหัวเข็มเล่นแผ่นเสียงในปัจจุบัน           และก็ได้มีโอกาสนำเอาหัวเข็ม3 รุ่นมาทดสอบใช้งาน คือ Rega Nd3  Rega Nd5 และ Rega Nd7 ที่ใช้ปลายเข็มแบบเพชร ที่เป็นผลลัพธ์จากการวิจัย พัฒนามายาวนานกว่า 10 ปี และนี่คือการยกระดับมาตรฐาน Cartridge ขึ้นมาอีกระดับหนึ่ง โดยเทคโนโลยีนี้ Rega ได้นำขึ้นจดสิทธิบัตร           หัวเข็มตระกูล Nd ทั้งหมด ถือว่าเป็นรายแรกของโลก ที่ใช้แม่เหล็กนีโอ-ไดเมียมกำลังสูงพิเศษในการออกแบบหัวเข็มชนิดแม่เหล็กที่เคลื่อนที่หรือ MM: Moving Magnet เป็นการออกแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดยสิ้นเชิง        เป็นการออกแบบที่ยากลำบากที่สุดเท่าที่เคยมีการพัฒนาและดีไซน์หัวเข็มแผ่นเสียง          การใช้ปลายเข็มเพชรที่มีโครงสร้าง "เส้นละเอียด" และทันสมัยที่สุดก็เพื่อผลการเกาะร่องแผ่นด้วยรายละเอียดขั้นสูงสุด สามารถเทียบเคียงได้กับ MC ระดับไฮเอนด์ Apheta 3 และ Aphelion ของ Rega เองเลยทีเดียว        โครงสร้างของเนื้อเพชร ที่สร้างขึ้นโดยหลักการทางเคมีคัลขั้นสูงสุด ให้ตกผลึกแบบคริสตัลเชิงเดี่ยว Monocrystalline ขนาดเล็กเป็นพิเศษ ผ่านขั้นตอนการเจียรไน เป็นรูปทรง Fine Line จะมีรูปแบบที่มีพื้นที่สัมผัสแคบที่สุด โดยมีรัศมีเพียง 3µm (ไมครอน) เมื่อมองจากด้านบน และ 30µm ในแนวตั้งเมื่อมองจากด้านหน้า            ปลายเข็มเพชรโพลีคริสตัลไลน์คุณภาพสูง ที่สร้างขึ้นนี้จะถูกยึดติดกับก้านอลูมินั่มกลม คุณสมบัติใหม่นี้ช่วยให้สามารถรับสัญญาณการเปลี่ยนแปลงขนาดเล็กสุดในไวนิลได้อย่างแม่นยำในทันที อีกทั้งการยึดเกาะร่องจะเหนือกว่าหัวเข็มทั่วๆ ไป          เนื่องจากพื้นที่สัมผัสเล็กจิ๋วของปลายเข็มเพชร จะส่งผลให้สามารถดึงรายละเอียดในระดับที่ยอดเยี่ยมออกมาได้ครบถ้วนที่สุดเท่าที่เคยมีการสร้างหัวเข็มแบบ MM ขึ้นมา          ในการออกแบบใช้รูปทรงเรขาคณิตของเครื่องกำเนิดใหม่ล่าสุดที่มีความสมมาตรที่สมบูรณ์แบบ เพื่อให้ได้ความสมดุลของช่องสัญญาณ ทั้งซ้าย ขวา ที่มีความแม่นยำสูง           นอกจากนี้หัวเข็มตระกูล Nd ยังมีช่องว่างระหว่างขั้วที่ได้รับการปรับปรุงเพื่อคุณสมบัติเชิงเส้นตรงและสัญญาณครอสทอล์ค (แยกแชนแนล) ที่เหนือกว่า ซึ่งจะให้เวทีเสียงที่กว้างกว่ารุ่นก่อนๆ มาก คาร์ทริดจ์ใหม่นี้ถูกสร้างขึ้นด้วยคอยล์คู่แบบขนาน ที่มีขนาดจิ๋ว         ซึ่งคอยล์นี้จะพันในตัวเรือนของหัวเข็มโดยใช้ลวดขนาด 38 ไมครอน และจะพันรอบหมุนเพียง 1,275 รอบพอดี          ด้วยหลักการคำนวณอันพิถีพิถันนี้ จะกำเนิดค่าความต้านทานต่ำ และค่าต้านทานแบบเหนี่ยวนำที่ต่ำลงด้วย ซึ่งก็จะทำให้การตอบสนองความถี่สูงได้รับการพัฒนาย่านความถี่ที่ดีขึ้นอย่างมาก          การประกอบตัวเรือนหัวเข็มทั้งชุด ด้วยโพลีฟีนลีนซัลไฟด์ (PPS) ที่ทำจากแก้วฉีดขึ้นรูปซึ่งมีความทนทาน จัดเป็นวัสดุที่มีน้ำหนักเบาและมีความแข็งแกร่งสูง มีมวลต่ำ ทำให้มีผลช่วยลดความเครียดบนแบริ่งโทนอาร์ม และเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ            หัวเข็ม Nd7 จะถูกนำเสนอเป็นตัวเลือกที่ติดตั้งมาจากโรงงานในเครื่องเล่นแผ่นเสียง รุ่น Planar 6 และ Planar 8           หัวเข็ม Nd5 จะถูกนำเสนอเป็นตัวเลือกที่ติดตั้งมาจากโรงงานในเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่น Planar 3 และ Planar 6           หัวเข็ม Nd3 จะถูกนำเสนอเป็นตัวเลือกที่ติดตั้งมาจากโรงงานในเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่น Planar 2 และ Planar 3         และเพื่อให้สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของ Rega ต่อความยั่งยืน กลุ่มผลิตภัณฑ์ Nd จึงมีจำหน่ายอยู่ในบรรจุภัณฑ์รีไซเคิลได้ 100%        เท่าที่พิจารณา จากรายละเอียดหัวเข็มทั้ง 3 รุ่น มีข้อแตกต่างที่ชัดเจนคือ • รุ่น Nd7 ปลายเข็มทรง Fine line nude diamond จะมีขนาดเล็ก และแทรกตัวลงในร่องแผ่นได้แนบสนิทที่สุด  • รุ่น Nd5 ปลายเข็มจะเป็นรูปทรง Elliptical nude diamond stylus  • รุ่น Nd3 ปลายเข็มเป็นทรง Bonded Elliptical      ทั้งหมดนี้ ทางโรงงานผู้ผลิตได้ระบุค่าน้ำหนักหัวเข็มอยู่ที่ 1.75 กรัม และหัวเข็ม Rega มีความพิเศษก็คือมีจุดยึดสามจุด ซึ่งเมื่อใช้กับเครื่องเล่นแผ่นเสียง โทนอาร์ม แบรนด์เดียวกันจะเหมาะสมมาก     Test Report ผมเริ่มทดสอบหัวเข็มทั้ง 3 รุ่น สลับเรียงกันไปจากรุ่น Nd3, Nd5 และ Nd7 ด้วยเครื่องเล่นแผ่นเสียง Pro-Ject Debut2  รุ่น Limited สีเหลืองสด และมีการสลับไปใช้กับ Rega P10 ด้วย        แรกสุดทดลองตั้งค่าน้ำหนักแบบเบากว่าสเป็คฯ ที่ 1.5 กรัม  พบว่า Rega Nd เป็นหัวเข็มที่เกาะร่องแผ่นได้ดีมากๆ  แม้จะตั้งน้ำหนักเบากว่าปกติ เจอแผ่นไวนีลที่บิดงอเล็กน้อย จะไม่มีอาการ เหิน กระโดด หลุดร่อง         จากนั้น จัดปรับตั้งค่าน้ำหนักหัวเข็ม ตามสเป็คฯ ให้พอดีๆ คือที่ 1.75 กรัม (ใช้เครื่องชั่งน้ำหนักของ Van den hul) เพื่อค้นหาว่า คุณภาพเสียงหัวเข็มรุ่นพัฒนาใหม่ของ Rega Nd Series นั้น สมบูรณ์แบบแค่ไหน      บทสรุป มีดังนี้ 1. คุณภาพเสียงมีความโปร่งสะอาดรายละเอียดดีไม่แพ้หัวเข็มประเภท MC โดยเฉพาะช่วงปลายเสียงแหลม ถือว่าก้าวกระโดดจากหัวเข็มรุ่นก่อนหน้าของ Rega เป็นอย่างมาก  2. บุคลิกเสียงโดยรวมออกแนวสุภาพๆ สมจริง แต่ให้เนื้อหนังโดยรวมดูอิ่มลึกในช่วงเสียงต่ำมากยิ่งขึ้น ตรงนี้อาจจะเป็นสิ่งที่โดดเด่นไปกว่าหัวเข็มประเภท MC ทั่วไป 3. ผมรู้สึกนะครับว่าการแยกแชนแนลโดยเฉพาะรุ่น Nd7 ทำได้อย่างน่าทึ่ง สังเกตได้จากจุดตำแหน่งชิ้นดนตรีและเวทีเสียง ระหว่าง Nd5 และ Nd7 จะมีความใกล้เคียงกัน ยกเว้นรายละเอียดที่แผ่วเบา ลึก Nd7 ยอดเยี่ยมที่สุด 4. หัวเข็ม Nd3 จะรักษาโทนัลบาลานซ์ได้เท่าเทียมกับ Nd5 และ Nd7 ถือว่าให้มาตรฐานคุณภาพเสียงที่คุ้มค่ามาก Rega Nd3 จะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวที่สุดของหัวเข็มในระดับราคาเดียวกัน เพราะ ความ Clean ของสัญญาณเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด หรือเรียกว่า กินขาดจริงๆ (เปรียบเทียบจากหัวเข็มที่ผมใช้อยู่ในราคานี้) 5. การรักษาโทนัลบาลานซ์ของหัวเข็มทุกรุ่นทำได้ดีเยี่ยม การกล่าวถึงเสียงอนาล็อกแท้ๆ Rega Nd Series น่าจะเป็นต้นแบบที่ดี ข้อสำคัญก็คือว่า Rega ได้สร้างมาตรฐานใหม่ของหัวเข็มสำหรับเล่นแผ่นเสียงขึ้นมาแล้ว คือในระดับราคาเดียวกัน Rega Nd3 / Nd5 / Nd7 คือ New Standard ครับ 6. เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับหัวเข็มชุดนี้ แม้จะออกแบบมาให้ใช้ได้ทั่วไป แต่ก็แมตช์กับโทนอาร์ม และเครื่องเล่นแผ่นเสียงของ Rega มากที่สุด โดยเฉพาะการมีจุดยึดกับเฮดเชลล์สามจุดดังกล่าว         การพัฒนาหัวเข็มแผ่นเสียงของ Rega Research ถือเป็นการก้าวสู่ยุคใหม่ และมาตรฐานใหม่ของหัวเข็มแผ่นเสียงที่มีราคาและคุณภาพน่าประทับใจอย่างยิ่งครับ Rega Nd3 ราคา 8,600.- บาท Rega Nd5 ราคา 15,000.- บาท Rega Nd7 ราคา 22,000.- บาท สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ตัวแทนจำหน่าย Komfort Sound โทร. 083 758 7771  

Rega P10 The heart of music

Rega P10 The heart of music ในระบบอนาล็อก ออดิโอที่มีอายุยืนยาวที่สุด และมีการพัฒนาด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะผ่านช่วงเวลาที่รุ่งเรืองหรือตกต่ำ คนอนาล็อกก็ยังพยายามที่จะก้าวขึ้นสู่การฟังเพลงที่เต็มไปด้วยรายละเอียดที่มีชีวิตชีวา และต่อสู้ให้หลีกพ้นไปจาก การสั่นสะเทือนที่มีผลต่อคุณภาพเสียง Roy Gandy ยังคงเชื่อว่า โครงสร้างที่แกร่ง แข็งแรง และอยู่ในรูปทรงที่กะทัดรัด ไม่จำเป็นต้องใหญ่โตมโหฬาร แบบขี่ช้างจับตั๊กแตน สามารถนำพาคุณภาพเสียงที่บริสุทธิ์ รายละเอียดครบถ้วนได้แน่นอน ปัญหาเรื่องของการไวเบรชั่น กับการเกาะร่องหัวเข็มแผ่นเสียง ที่มีจุดอ่อนไหว สามารถใช้หลักวิศวกรรม และวัสดุที่เหมาะสม ทำให้สมบูรณ์แบบได้ และ PLANAR 10 หรือ Rega P10 เป็นพัฒนาการล่าสุดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเครื่องเล่นแผ่นเสียง Rega รุ่น Naiad โดยเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นนี้สร้างขึ้นจากฐานโครงเหล็กน้ำหนักเบาพิเศษที่มีโครงและทรวดทรงแบบโค้งและเป็นแนวเส้น ไม่ใช่ผืนแผ่นสี่เหลี่ยม จัดเป็นศิลปกรรมด้านวิศวกรรมที่ยอดเยี่ยมน่าดูมาก          โดยแท่นเครื่องผลิตจากแกน Tancast 8 และหุ้มด้วยแผ่นลามิเนตแรงดันสูง (HPL)             PLANAR 10 เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นแรกที่ใช้การเสริมความแข็งแรงด้วยเซรามิก ซึ่งจะให้พื้นผิวที่แข็งแรงเป็นพิเศษสำหรับการติดตั้งโทนอาร์มรุ่น RB3000 ที่มีความแม่นยำและชุดตลับลูกปืนกลางที่ Rega กำหนดเอง        สำหรับความพิเศษคือ PLANAR 10 ยังติดตั้งด้วยแพลตเตอร์เซรามิกออกไซด์ที่สั่งทำพิเศษ ซึ่งตัดด้วยเพชรในระหว่างการผลิตเพื่อความแม่นยำสูงสุด และความเสถียรของความเร็วรอบหมุน  มอเตอร์ซิงโครนัส 24V ของ Rega และระบบจะติดตั้งสายพานขับหมุน EBLT ที่มีวงรอบขนาดเล็ก          มีแผ่นรองหรือแมตช์ สีขาวสะอาดตา           ตัวระบบขับหมุน การปรับเปลี่ยนรอบหมุน ระหว่าง 33-1/3 และ 45 RPM จะถูกควบคุมโดยกล่องแหล่งจ่ายไฟที่ล้ำหน้าที่สุดของ Rega ที่แยกออกมาจากแท่นเครื่อง นั่นคือ P10-PSU แหล่งจ่ายไฟแยกส่วนแบบนี้ช่วยลดการสั่นสะเทือนของมอเตอร์ในระดับสูงสุด          เราสามารถปรับความเร็วรอบหมุนได้ละเอียดด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ และสะดวกในการเปลี่ยนความเร็วอย่างฉับไว และรอบจะเสถียรคงที่มาก           PLANAR 10 ออกแบบมาเพื่อมอบประสิทธิภาพสูงสุดของ Rega โดยดึงข้อมูลออกมาจากร่องแผ่นเสียงไวนิลได้มากกว่าที่เคย ปัจจุบันมีให้เลือกทัังรุ่น สีเทา และรุ่นเคลือบสีขาว            สำหรับ Planar 10 ที่ผมได้รับมาทดสอบ จะติดตั้งด้วยหัวเข็มแบบ MC รุ่น ANIA กับโทนอาร์ม RB3000  (ซึ่งปกติทาง Rega จะมีออพชั่นติดตั้งหัวเข็ม Apheta 3 หรือ Aphelion 2 มาจากโรงงาน)             สำหรับหัวเข็ม ANIA เป็นหัวเข็มประเภทคอยล์เคลื่อนที่ (Moving Coil) มีแม่เหล็กนีโอไดเมียมกำลังสูงเป็นพิเศษ และคอยล์ที่พันด้วยมืออย่างพิถีพิถันบนโครงสร้างขนาดจิ๋วนี้ ทำให้หัวเข็มมีอิสระมากขึ้นในการเกาะร่องไวนิล โดย จะดึงรายละเอียดจากแผ่นเสียงออกมาได้ครบถ้วนยิ่งขึ้น     Test Report  การเซ็ตอัพ ผมได้รับเทิร์นเทเบิล Rega P10 หรือ PLANAR 10 มาพร้อมหัวเข็ม MC รุ่น ANIA          P10 เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่รูปทรงอาร์ตมากๆ เหมือนงานประติมากรรม มีส่วนเว้าโค้ง เจาะคว้านให้ช่วงตรงกลางกลวงอย่างมีนัยยะ และหัวเข็ม ANIA ก็มีกายภาพขนาดย่อมไม่เทอะทะ การติดตั้งง่าย การปรับค่าทั้ง Tracking Pressure หรือน้ำหนักหัวเข็ม (1.75-2.00 กรัม) กับค่าAnti-Skating นั้นเหมือนการใช้เครื่องเล่นแผ่นเสียงพื้นฐานโดยทั่วไป          ผมทบทวนด้วยเครื่องชั่งน้ำหนักของ Van Den Hul อีกรอบ จากนั้นตอนแรก นำ P10 วางบนแท่นรองของ Atacama ที่มีขายางหยุ่นทั้งสี่มุม ตรงจุดนี้กลับไม่สามารถวัดค่าศูนย์ความเที่ยงตรงในแนวระนาบได้ จึงเปลี่ยนมาใช้ Life Audio Classic Mellow แทน ปรับจนได้ศูนย์ในแนวระนาบร้อยเปอร์เซ็นต์          ชอบความมั่นคงและน้ำหนักของโทนอาร์ม RB3000 นะครับ มันให้น้ำหนักเบา รู้สึกพอดีกับมือ การยก โยกย้าย คล่องตัวมากๆ      • สปีด และความแม่นยำรอบหมุน        P10 มีกล่อง PSU ที่เป็นแหล่งจ่ายไฟและตัวควบคุมรอบหมุน ซึ่งแยกออกจากแท่นเครื่อง มีปุ่มกด สองปุ่มสำหรับเลือกสปีด 33-1/3 และ 45 RPM นั้น รอบหมุนจะปรับตัวให้ตรงสปีดและคงที่รวดเร็วมาก ไม่ต้องรอนาน อาจจะด้วยประสิทธิภาพของตัวเครื่อง PSU เอง และตัวแพลตเตอร์ที่มีน้ำหนักประมาณ 2.4 กิโลกรัม ผสานกับสายพานวงรอบเล็ก จึงใช้เวลาให้ค่าสปีดคงตัวภายใน5-8 วินาทีเท่านั้นในทางปฏิบัติ อันนี้ถือว่า ยอดเยี่ยมครับ      • สัญญาณแห่งความเงียบในการขับหมุน           ถือได้ว่า นี่คือเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่มีผลลัพธ์ของความเงียบ ทั้งระบบมอเตอร์มอเตอร์ขับหมุนเองและแหล่งจ่ายไฟ ที่ถูกออกแบบมาดีเยี่ยม อาการรบกวนต่างๆ จากระบบไฟ รัมเบิ้ล ฮัม และน้อยซ์ นับว่าเงียบกริบ ทำให้มั่นใจได้ว่า จะได้คุณภาพเสียงที่ถ่ายทอดรายละเอียดได้ครบถ้วนที่สุดเครื่องหนึ่ง เท่าที่ผมเคยทดสอบใช้งาน       • กลไกขับหมุนที่นิ่ง เงียบสนิท        เป็นเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่มีไวเบรชั่นต่ำมากๆ แบบนี้ ถือว่าเทิร์เทเบิลทำให้เสียงจากต้นทางสามารถมอบคุณภาพเสียงเชิงอนาล็อกได้อย่างเต็มที่ เต็มร้อย เพราะฟังเสียงจากแผ่นได้อย่างลื่นไหลต่อเนื่อง และทุกเสียงมีความแม่นยำตรงตามต้นฉบับที่บันทึกมา      • การเกาะร่องแผ่นเสียง        เมื่อเริ่มวางหัวเข็มลงไปบนแผ่นเสียง P10 ให้ความรู้สึกกับเราในทันที ในเรื่องประสิทธิภาพ โทนอาร์มและหัวเข็มที่ทำงานร่วมกันได้อย่างยอดเยี่ยมน่าประทับใจ  ด้วนการเกาะร่องแม่นยำของเครื่อง ช่วยให้เข้าถึงทุกรายละเอียดที่ถูกบันทึกมาในร่องแทร็กซ์ แบบว่าถ่ายทอดออกมาได้อย่างหมดสิ้น ครบถ้วน เป็นเสียงที่เราเข้าถึงทุกย่านความถี่ ตั้งแต่ร่องนอกสุดไปจนถึงร่องในสุดของแผ่นอย่างสมบูรณ์  แนวเสียงสะอาด ละเอียดยิบ ผ่อนคลาย           สุดท้าย บทสรุปในการทดสอบเครื่องเล่นแผ่นเสียง P10 ก็คือ ให้แนวเสียงสะอาด มีความเป็นกลางสูงมาก ไม่ใช่เสียงแนวอนุรักษ์นิยม ที่พวกเราหลายคนคิดว่า เสียงแบบอังกฤษ คือเสียงแฟลต และจืดเสมอไป เพราะ Rega P10 ได้เปิดโลกอนาล็อกที่มีความสมจริงของชิ้นดนตรีที่มีความละเอียดอ่อนครบถ้วน ช่วงปลายเสียงแหลมสวยงาม พลิ้ว สะอาดระยิบระยับ เสียงย่านความถี่กลางที่ผ่อนคลาย และเบสอิ่มตัวเป็นชิ้นเป็นอัน         P10 ให้ได้ทั้งความโรแมนติกน่าฟัง และความสมจริง ที่มีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง จุดเด่นที่นอกจากเสียงที่สะอาดแล้ว ค่าไดนามิคเร้นจ์จากแผ่วเบาไปถึงดังที่สุดจากแผ่นเสียง มีสัดส่วนสวยงามที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ทดลองฟังเครื่องเล่นแผ่นเสียงในระดับราคาหนึ่งแสนบาทมาในช่วงหลายๆ ปีมานี้         Rega P10 สร้างความประทับใจมากครับ และผมเข้าใจสิ่งที่ Roy Gandy กล่าวเอาไว้ถึงปรัชญาของเขาว่า ถ้าทำไม่ได้ดีกว่าคู่แข่งหรือผู้ผลิตอื่น เขาจะไม่ทำออกมา        ดังนั้นคุณภาพเสียงที่สวยงามมีพลังอนาล็อกโอ่อ่าประดุจเพชรน้ำหนึ่งจาก Rega P10 นั้น ก็คือคำตอบ สำหรับช่วงเวลาอันยาวนานที่ รอย แกนดี้ ได้คิดค้นพัฒนามาจนถึงจุดอุดมคติ สมดังสโลแกนที่ว่า The heart of music แล้วครับ สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่ ตัวแทนจำหน่าย Komfort Sound โทร. 083 758 7771