ANTHEM MCA 325

Designed to match, engineered for power.

  นี่คือพาวเวอร์แอมปลิไฟเออร์ซึ่งผลิตมาอย่างประณีตมาก และก็ต้องบอกว่าเป็นพาวเวอร์ที่ออกแบบสำหรับการใช้งานได้ทั้งสองด้าน คือไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการฟังเพลงหรือดูหนัง ซึ่งจะอยู่ในตระกูลมัลติแชนเนล

   หลักการคือได้รับการอกแบบเพื่อให้แมตช์กับ AVM 60 Processor และ MRX Receivers รุ่นใหม่ได้อย่างลงตัว โดยการออกแบบและผลิตทั้งหมดทำในแคนาดา โดย Anthem ได้ออกมาทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันคือ MCA 525, 325 และ 225 ด้วยจำนวนแชนเนล 5, 3 และ 2 แชนเนลตามลำดับ  

  สำหรับรุ่นที่หยิบยกมาทดสอบ ในครั้งนี้คือ MCA 325 ออกแบบมาให้เป็น ทริปเปิลแชนแนล แบบสามช่องเสียง เพื่อให้ใช้เสริมในระบบดอลบี้แอทมอส ขับเสียงแชนแนลหลัก หรือเซอร์ราวนด์ (และที่น่าสนใจคือ ถ้าหากเป็นรุ่น 225 ก็สามารถนำมาเป็นเพาเวอร์คู่กับปรีแอมป์ทั่วไปก็ยังได้ เนื่องจากคุณภาพในการออกแบบถือว่าเป็นเลิศ)

   แอมป์ในตระกูลนี้ทุกรุ่นนี้มีคุณสมบัติเด่นตรงที่ให้พลังขับที่เต็มพลัง คงที่และใช้งานหนักได้โดยไม่มีปัญหา มีความคลาดเคลื่อน หรือ ค่า THD (total harmonic distortion) ที่ต่ำอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้เสียงที่สะอาด บริสุทธิ์และมีนอยซ์ต่ำกว่าเพาเวอร์พื้นฐานทั่วไป โดยเฉพาะแบคกราวน์ที่สงัดเป็นพิเศษ

      เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์ของ Anthem ทุกตัว MCA 525, MCA 325 และ MCA 225 ออกแบบและผลิตในแคนาดา ดังเช่นที่ทางผู้ผลิตเน้นย้ำว่า “Crafted in Canada” ใช้หม้อแปลงทอร์ลอยด์กำลังสูงแต่มีนอยซ์รบกวนต่ำที่ออกมาโดยเฉพาะ

     ด้วยการใช้ filter capacitors คุณภาพสูง power supply regulators ที่ทันสมัย และ ฮีทซิงค์อลูมิเนียมที่ใหญ่เป็นพิเศษ ช่องต่อ binding posts ที่ออกแบบเฉพาะ และวงจร auto-on/off ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะ ทั้งหมดนี้สามารถสัมผัสได้จากคุณภาพเสียงระดับออดิโอไฟล์ที่สะอาด ชัดเจนในทุกย่านความถี่เสียง

  ผมนำเพาเวอร์แอมป์ MCA 325 นี้ มาใช้งานร่วมกับรีซีพเวอร์ แบบ 7.1.4 โดยใช้ภาคปรีเอ๊าท์ ของ รีซีพเวอร์ ในช่องเสียงซ้าย ขวา เซ็นเตอร์. เชื่อมต่อมายัง เพาเวอร์ Anthem MCA 325 โดยตรง ทำให้ ในระบบรีซีพเวอร์ที่ใช้ประจำนั้น ใช้สัญญาณภาคขับเสียงในตัวเฉพาะ เซอร์ราวนด์  และเสียงเพดาน อีก 4 แชนแนล (ดอลบี้แอทมอส)

On Test

    ในส่วนของ MC 325นี้ รูปทรงดูบึกบึนคลาสสิก ดำขลับ ด้านหน้าเรียบหรู ด้านหลังมีช่องต่อ ทั้ง RCA ที่ แอนเธม เรียกว่า Single Ended และ Balanced XLR มาตรฐานสูง ขั้วต่อด้านหลังสำหรับลำโพง สวยงามในแบบไบน์ดิ้งโพสท์ ชั้นดี

    ความสามารถในการขับกำลังได้สูงถึง 600 วัตต์ต่อแชนแนลที่ 2 โอห์ม

       การเดินวงจรภายในรวบรัด สั้น มีประสิทธิผล การออกแบบช่วยให้การแยกแชนแนลได้เด็ดขาดมาก เป็นเทคนิคการทำแผงวงจรที่ยอดเยี่ยม

   ใช้เทคโนโลยี Advanced Load  Monitering คือ การควบคุม กระแส แรงดันไฟฟ้าให้สมดุล ใช้งานแบบต่อเนื่อง ระบบโพรเทคชั่นที่ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาฟิวส์

   ที่ภาคขับกำลังใช้ ไบโพล่าร์ทรานซิสเตอร์ แชนแนลละ 8 ตัว

    ตามปกติสามารถเปิดเครื่องทิ้งไว้ ขณะที่ยังไม่มีอินพุตสัญญาณเข้ามา จะกินไฟในโหมดสแตนด์บายเพียง 1-2 วัตต์เท่านั้น นับว่ากินไฟในโหมดนี้ต่ำที่สุดเลยก็ว่าได้

    ในเรื่องของกำลังขับต้องถือว่ามีความหนักแน่นดีเยี่ยมมากเมื่อเปรียบเทียบเข้ากับกำลังขับแต่เดิมที่ผมใช้รีซีฟเวอร์ก็ต้องบอกว่าเป็นการยกระดับที่เหนือชั้นขึ้นมาอีกหลายช่วงตัว สังเกตได้จากค่าไดนามิคความแรงหรือความ พั้นช์ ในการส่งสัญญาณ

    จุดที่เราสังเกตง่ายๆ ก็คือบางฉากในภาพยนตร์ซึ่งจะต้องมีเสียงแผ่วเบา และในเสียงแผ่วเบานั้น รายละเอียดจะไม่เท่ากันครับ เปรียบเทียบกับรายละเอียดที่เคยได้จาก รีซีพเวอร์ แล้ว เมื่อเปลี่ยนมาใช้กำลังขับ จากเพาเวอร์แอมป์ Anthem  MCA 325 มันคือการยกระดับของรายละเอียดที่มากยิ่งขึ้น ในการชมแผ่นภาพยนตร์ในเรื่องเดียวกัน

    ยกตัวอย่างจาก ภาพยนตร์ Aladdin ที่เพิ่งชมมาหมาดๆ ในฉากที่เริ่มต้นเปิดตัวอาละดิน และเจ้าหญิง ในตลาดที่เต็มไปด้วย ความสับสนวุ่นวาย เราจะพบว่ามิติของเสียงและรายละเอียดนั้น ในตัว MCA 325 ให้ผลลัพธ์ที่มีทั้งมิติรายละเอียดมากกว่าอย่างเห็นได้ชัด

    แม้ว่า คุณจะฟังในระดับความดังที่เท่ากันกับตอนที่ใช้กำลังขับจากรีซีพเวอร์ ในสามแชนแนลหน้า มันก็ยังแสดงความแตกต่างที่สัมผัสได้

   แรกสุดเลยผมชอบความสะอาดใสใน Anthem MCA 325 คือความรู้สึกด้านอารมณ์ของเสียงดูเต็มอิ่มและหนักแน่นยิ่งขึ้นรวมทั้งการส่งผ่านสัญญาณที่ฉับไว ดีมากจริงๆ

    อย่างไรก็ตามมันก็สามารถให้พลังเสียงสอดคล้อง ให้ความกลมกลืนเข้ากับอีกแปดช่องเสียงในระบบDolby Atmos จากรีซีฟเวอร์ (คือผมใช้ระบบหลักที่ 7.1.4 ) การเปลี่ยนมาใช้เพาเวอร์ Anthem MCA 325 เฉพาะสามแชนแนลหน้า ซ้าย เซ็นเตอร์ และขวา แล้วก็ถือว่าให้คุณภาพที่ดีเด่นโดดเด่นมากขึ้นแล้ว

   ปกติความสำคัญ ของเสียงหลักในภาพยนตร์สามช่องเสียงด้านหน้ามีความสำคัญสูงสุดในไดอาล็อก และการดำเนินเรื่องราวต่างๆ ในแต่ละฉาก เสียงรอบทิศทางจะมีเฉพาะบางช่วง การเลือกเปลี่ยนกำลังขับจากรีซีฟเวอร์มาเป็นเพาเวอร์แอมป์เป็นการเริ่มต้นที่ดี

   ส่วนจะเสริมเพาเวอร์ให้ครบทั้ง 7.1.4 แชนแนล หรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของคุณเองรวมทั้งไซซ์ หรือขนาดของห้องนั้นมีความจำเป็นที่ต้องใช้กำลังขับสูงมากน้อยเพียงไร

  การออกแบบของ Anthem จึงมีให้เลือกใช้ เลือกเสริมทั้ง 2 , 3 และ 5 แชนแนล คือเสริมได้เรื่อยๆ ได้ตามลักษณะการใช้งาน

    พูดถึงพลังเสียงและความหนักแน่นแล้ว เพาเวอร์แอมป์ Anthem MCA 325 ให้ได้ทั้งมิติความลึกตื้นของเสียงที่ดีมากขึ้นยิ่งกว่าเดิม เรื่องรายละเอียดและความสะอาดก็จะเป็นตัวยืนพื้นที่เป็นเหตุผลว่าทำไมคุณถึงต้องใช้เพาเวอร์แอมป์เครื่องนี้

    ฉากที่ต้องการความแรง ทรงพลัง อยากแนะนำให้ลองชมจากภาพยนตร์เรื่อง MIB International ก็จะเห็นถึงความสุดยอดของเพาเวอร์แอมป์ โดดเด่นยิ่งขึ้นกับการจ่ายกำลังที่มีความสม่ำเสมอว่องไว และ เที่ยงตรง

    ในแง่รายละเอียด ผมชอบมากเมื่อใช้งานเพาเวอร์ Anthem MCA 325 ใน  Mission: Impossible – Rogue Nation ฉากการตามสังหารรัฐมนตรี ในขณะที่มีการแสดงโอเปร่า  โอ้ อันนี้ เยี่ยมมากครับ เสียงปืน เสียงดนตรี การขับร้องที่สะท้านสะเทือนใจไปทุกอารมณ์การรับรู้

มันบ่งบอกเลยว่า MCA 325 มีคุณภาพในระดับที่เรา พลาดไม่ได้จริงๆ ครับ

   ช่วงท้ายๆ การทดสอบ ผมมาเพลิดเพลินกับแผ่นคอนเสิร์ต เสียงรอบทิศแบบ Dolby Atmos  ในบลูเรย์ Hans Zimmer: Live in Prague นั่นยิ่งทำให้เรารู้สึกนิยมชมชอบเพาเวอร์แอมป์เครื่องนี้มากยิ่งขึ้นไปอีกเพราะว่า เสียงของเครื่องดนตรีแต่ละชิ้นในการแสดงสดนั้น มีความชัดเจนมีชีวิตชีวา. มีน้ำหนักเสียงประดุจเราไปนั่งชมคอนเสิร์ตต่อหน้าจริงๆ นี่คืออิทธิพลของ Anthem MCA 325 อันที่เรามิอาจปฏิเสธได้

     เพาเวอร์แอมป์ สามแชนแนลที่พร้อมจะเปิดประตูสู่ความบันเทิงที่ยิ่งใหญ่มากยิ่งขึ้น แค่คุณตัดสินใจเปลี่ยนกำลังขับจากรีซีพเวอร์ของคุณแค่สามแชนแนลหน้า โรงหนังในบ้าน เปลี่ยนไปอีกระดับ สุดประทับใจเลยครับ

  และถ้าท่านใดใช้ Anthem  AVM 60 Processor หรือ MRX Receivers อยู่แล้ว ยิ่งต้องเตรียมพร้อมกับการใช้งานเพาเวอร์แอมป์ Anthem ซีรีย์นี้ครับ ขอยืนยันว่า มันสุดยอดจริงๆ ครับ

   ท่านใดยังคงใช้รีซีพเวอร์ทั่วไปที่สามารถใช้ช่อง ปรีเอ๊าท์ รีซีพเวอร์ได้ละก็ ให้ เสริม Anthem MCA 325เป็นประตูด่านแรกสู่มิติใหม่ของเสียงแบบโรงภาพยนตร์ ง่าย เพียงแค่เปลี่ยนภาคกำลังขับชุดหน้าชีวิตก็เปลี่ยนเลยครับผม!

  สนใจติดต่อรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Zonic Vision โทร. 02-681-7500

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here