The Art of Speaker Design Chapter 9

0
3652

The Art of Speaker Design Chapter 9 
AR. ที่สุดของลำโพงAcoustic Suspension


ในแต่ละยุคของลำโพงARจะพบว่าเขาได้ยึดมั่นในเรื่องของลำโพงตู้ปิดตลอดมาไม่เคยมีสักครั้งเดียวที่ลำโพงแบรนด์นี้ให้ความสนใจแนวทางตู้เปิด
นับแต่ยุค เอ็ดการ์ วิลเชอร์ มาถึงอัลลิสัน และ การเข้ามาเทคโอเวอร์ของทาง เทเลไดน์อคูสติค มันเป็นเรื่องน่าแปลกใจอย่างยิ่งที่ลำโพงAcoustic Research ได้พัฒนาเทคโนโลยี พร้อมกับการรักษาคุณภาพในชื่อของตนได้ดีที่สุดตลอดมา
ได้ขึ้นชื่อว่า เป็นลำโพงที่มียอดส่งออกทั่วโลกเป็นอันดับสอง
ความเปลี่ยนแปลงไปในปัจจุบันเจ้าของใหม่ก็คือAudiovox เป็นผู้เข้ามาซื้อกิจการทำให้มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมไปค่อนข้างมาก ถือเป็นอีกยุคหนึ่งที่ เปลี่ยนไปจาก ช่วงที่คนจดจำลำโพง Acoustic Suspension
ดังนั้นสิ่งที่เราจะพูดถึงกันตอนนี้ก็คือลำโพงซึ่งเป็นตำนานของAR ยุคแรกถึงยุค หลังสุดที่เน้นการผลิตลำโพงตู้ปิด คือ เทเลไดน์ อคูสติค
ลำโพงที่สร้างชื่อมากที่สุดคือ ระบบลำโพงซีรีส์ AR-3 ซึ่งใช้วูฟเฟอร์แบบอคูสติกขนาด 12 นิ้ว (305 มม.) ของ AR-1 (อันเป็นรุ่นที่ เอ็ดการ์ วิลเชอร์ ลงมือทำด้วยตนเอง) พร้อมลำโพงเสียงกลางแบบโดมกระดาษ ที่ออกแบบใหม่ในยุคนั้น 
และตัวขับความถี่สูง ที่ยังคงเน้นวัสดุจากเส้นใยธรรมชาติ 
ลำโพงAR 3 ดูจะมีความบึกบึน ตัวตู้ หนักหน่วงที่สุด มีความพิเศษสำหรับทีมออกแบบที่พัฒนาใหม่ ให้เป็นรุ่นแรกที่ตอบสนองเรียบแฟล็ต, เบสทรงพลัง มีการกระจายเสียงได้กว้าง
ที่สำคัญ เสียงอันมีคุณภาพนี้ ตูลำโพงมีขนาดเล็ก กว่าลำโพงฮอร์นโหลดดิ้ง ในยุคนั้นหลายเท่า และราคาก็สมเหตุผลด้วย
การกำเนิดลำโพงAR1 เริ่มต้นเมื่อปี 1954 
คุณEdgar Villchurออกแบบลำโพงที่มีขนาดย่อมลงมา เพียง14 x 11-3/8 x 25 นิ้ว แต่เสียงอิ่มหนักแน่นมาก จุดอ่อนมีเพียงการหาแอมป์กำลังขับสูงให้กับลำโพงเท่านั้น แน่นอน ลำโพงได้รับความชื่นชมมาก โดยมีราคาในตอนออกวางจำหน่ายเพียง185 เหรียญสหรัฐ
การออกแบบครั้งแรกยังคงมีจุดอ่อนอยู่มาก ด้วยระบบสองทางตู้ปิด วูฟเฟอร์ ขนาด12 นิ้ว และ ทวีตเตอร์ แบบโคน 8 นิ้ว ยังคงด้อยในเรื่องเสียงแหลม ช่วงปลายเสียงพอสมควร
ซึ่ง เป็นเหตุผลให้มีการค้นคว้าวิจัย และกำเนิดAR 3. และ AR3a ในเวลาถัดมาด้วยการใช้โดมมิดเร็นจ์กระดาษ และ โดมทวีตเตอร์ที่ให้รายละเอียดช่วงปลายเสียงที่ดียิ่งขึ้น ลำโพงจะมีค่าความต้านทาน4โอห์ม และเป็นลำโพงสามทางที่ประสบผลสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ของAR
ที่ยังคงใช้สูตร ของตู้เท่าAR1 คือ 14 x 11-3/8 x 25 นิ้ว มีราคา216 เหรียญสหรัฐ
ปัจจุบันลำโพงAR3และ AR3a จะมีราคาประมาณ สามหมื่น ถึงห้าหมื่นบาท ตามแต่สภาพความสวยงามแบบเดิมๆ ของลำโพง
อันที่จริงแล้วลำโพงรุ่นรองลงไป อย่าง AR 2 และ AR2 AX กลับเป็นที่น่าสนใจมากกว่าถ้าจะพูดถึงกันในแง่นำไปใช้งานในปัจจุบันในฐานะที่เป็นลำโพงวินเทจเพราะเป็นการออกแบบให้มีค่าความต้านทาน8 โอห์มด้วย
AR2 มีขนาดของตู้ย่อมเยาลงมาโดยมีขนาดเพียง13.5 x 11.5 x 24 นิ้ว
และราคาเพียง96 เหรียญสหรัฐในยุคนั้น เป็นลำโพงระบบสามทางที่มีวูฟเฟอร์ 10 นิ้วซึ่งสามารถให้เสียงได้ค่อนข้างโปร่งสะอาดและเสียงต่ำมีความลึกมีมวลที่ดีมาก
แต่ปัจจุบันลำโพงรุ่นนี้กลับหายากกว่าลำโพงรุ่นAR3a เสียอีก
การกำเนิดขึ้นของAR3 ทำให้มีการแพร่ขยาย ลำโพงยุคปี60 พัฒนาอีกหลายยุค จนถึงรุ่นAR-11 และ AR-10pi ในปี 1977, 
โดยในปี1967, Acoustic Research ถูกซื้อกิจการโดย Teledyne 
ในยุคของเทเลไดน์อคูสติกนั้น ลำโพงAR มีความคล่องตัวมากขึ้นในเรื่องของการออกแบบมีออกมาหลายซีรีย์ และที่น่าสนใจก็คือAR9มันคือลำโพงขนาดยักษ์มหึมารุ่นหนึ่งที่มีคนกล่าวว่าจะต้องสร้างบ้านให้มันอยู่
ในยุคนั้น ถือว่าเป็นลำโพงที่เท่ห์ และยิ่งใหญ่มาก
ปี1979 ลำโพงAR9 เป็นที่ใฝ่ฝันของออดิโอไฟล์ทุกคนโดยเฉพาะแฟนของ อคูสติค รีเสิร์ช มันคือลำโพงวางพื้นระบบ สี่ทาง มีวูฟเฟอร์ ขนาด12 นิ้ว ยิงออกด้านข้างสองตัวขับ
แถมด้วยมิดเบสขนาด8นิ้วหนึ่งตัวขับ มิดเร็นจ์ขนาด 1.5 นิ้ว และทวีตเตอร์โดม3/4 นิ้ว ความต้านทาน4โอห์ม เหมาะกับแอมป์กำลังขับที่สูงและมีคุณภาพจริงๆ

ขนาดตู้ลำโพง คือ 1340 x 381 x 402มิลลิเมตร
เป็นครั้งแรกที่ลำโพงตอบสนองความถี่ได้มากกว่าที่หูมนุษย์ได้ยิน18Hz to 30kHz
ลำโพงรุ่นนี้เป็นต้นแบบทำให้ก่อกำเนิดลำโพงรุ่นAR90ซึ่งก็เสมือนตัวย่อส่วนของลำโพงรุ่นAR9นั่นเอง
ในช่วงเวลานั้นต้องถือว่าเทคโนโลยีลำโพงAcoustic Research นั้นโดดเด่นอย่างมาก เป็นลำโพงตู้ปิดที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักออกแบบแอมปลิไฟร์ ที่จะต้องพยายามหาทางสร้างแอมป์ขยายเสียงที่มีกำลังขับสูงเพื่อจะนำไปใช้กับลำโพง ของAR
เนื่องจากความต้องการลำโพงAR ถือว่าเป็นอันดับต้นๆของโลกเลยก็ว่าได้ในช่วงยี่สิบปีที่แล้ว
ลำโพงAR ยุครุ่งเรืองที่สุดกลับเป็นยุคของเทเลไดน์อคูสติค เพราะมีลำโพงผลิตออกมาเป็นรุ่นใหม่แทบจะทุกปีแล้วก็เห็นพัฒนาการที่ดียิ่งขึ้นนั่น ก็คือกินกำลังขับน้อยลงในขณะที่เสียงเปิดกว้างและหลุดตู้มากขึ้น
ตอบสนองความถี่ต่างๆครบถ้วนมากกว่าลำโพงในยุคเก่า
นั่นก็เป็นยุคที่Conice Electronic เป็นตัวแทนจำหน่ายลำโพงแบรนด์นี้เราได้เห็นลำโพงสูงประมาณคืบเศษอาทิรุ่นAR8s จนถึงรุ่นAR58S
มีตั้งแต่ลำโพงสองทาง สามทาง. สี่ทาง. ลำโพงตั้งพื้นลำโพงวางหิ้งหรือบนขาตั้งครบถ้วน
ถ้าผมจำไม่ผิดเข้าใจว่าลำโพงใน ซีรีย์ HO น่าจะเป็นลำโพงรุ่นหลังสุดที่เทเลไดน์ อคูสติค เป็นผู้ผลิตออกมา
ในที่สุดในแง่ธุรกิจ ทางเทเลไดน์ ยอมปล่อยให้บริษัท คู่แข่งที่สำคัญของพวกเขาคือ Jensen Electronics มาซื้อกิจการไป แต่แล้วในปี 1996 , Jensen รวมถึง AR ก็ถูกขายให้กับ Recoton Audio Corporation 
Audiovox (ปัจจุบันคือ Voxx International) ได้เข้าซื้อกิจการ Recoton ของสหรัฐและดำเนินการพัฒนาและขายลำโพงยี่ห้อ AR ต่อไป ในปัจจุบันมีการออกแบบและผลิตลำโพงAR ขึ้นมาอีกในแบบของลำโพงยุคใหม่
ก็คงเป็นที่จับตากันต่อไปครับสำหรับลำโพงพี่มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานอย่างAR
ว่า จะเดินทางไป ณ. จุดใด


ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here