Rogers E20a/ii

อินทิเกรเต็ดแอมป์ สำหรับตระกูลลำโพง BBC Monitor

อิ่มฉ่ำ เนื้อเสียงแน่น มีพลัง

           จะว่าไปแล้ว การเกิดขึ้นของอินทิเกรเต็ดแอมป์ Rogers E20a ครั้งแรกในปี 1995 นั้น มีจุดประสงค์เพื่อสร้างแอมปลิไฟร์ที่เหมาะสมในการขับเสียงของ Rogers LS3/5A ให้ได้เต็มประสิทธิภาพที่สุด โดยเฉพาะรุ่น 15 โอห์ม ที่ขับเสียงได้ยาก

           บีบีซีออกแบบลำโพง LS3/5A  เพื่อใช้ในสตูดิโอ และในรถ OB หรือ “Outside Broadcasting” สำหรับการกระจายภาพและเสียงภายนอกสถานที่ โดยจะใช้ตู้ LS3/5A ที่มีการติดตั้งเพาเวอร์แอมป์ในตัวแบบโซลิดสเตท (ของ QUAD) มาเสร็จสรรพ เท่ากับเป็นลำโพงกึ่งแอคทีฟ และมีความเหมาะสมกับการฟังในลักษณะ Nearfield

            การฟัง Nearfield ถือเป็นกระบวนการใช้งานลำโพงมอนิเตอร์ ในสตูดิโอที่เซ็ตอัพไว้ในแบบระยะสั้นแบบสามเหลี่ยมด้านเท่า

            ดังนั้น จุดวางลำโพงมักกำหนดไว้ห่างกัน ของตู้ซ้ายขวาไม่เกิน 4 ฟุต และลำโพงจะอยู่ด้านหน้าเรา นั่งห่างออกมาไม่เกิน 4 ฟุตด้วย เพื่อฟังการมิกซ์เสียงและฟังในระยะใกล้

           แต่เมื่อนำเอาลำโพงที่ออกแบบสำหรับสตูดิโอมาใช้แบบฟังเพลงออดิโอไฟล์ ภาคขยายเสียงที่จะควบคุมลำโพง LS3/5A ให้มีความเข้มข้นของเสียงอย่างพอเพียง ต้องมีกำลังขับสูงขึ้น อัตราสะวิงที่ดีขึ้นกว่าปกติ ผู้ใช้งานจึงบ่นกันมากว่า แอมป์ที่ขับ LS3/5A นั้นหาที่เหมาะสมได้ยาก

            แอมป์กำลังขับแรงๆ บางทีก็ขับลำโพง 15 โอห์ม ไม่รอด แอมป์ที่เหมาะสม กลับเป็นแอมป์หลอดมากกว่า

            ทาง Rogers จึงตัดสินใจออกแบบ Rogers E20a ขึ้นมาใช้ขับเสียงลำโพง LS3/5A ให้แมตช์ลงตัว และแอมป์หลอดรุ่นดังกล่าวก็ได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ใช้ลำโพงรุ่นนี้ ไม่ยกเว้นแม้แต่ LS5/9 ของโรเจอร์ และแบรนด์อื่นๆ ในรหัสรุ่นเดียวกัน

           เวลาผ่านพ้นไปนาน ย่างเข้าสู่ยุคปัจจุบัน มีการรื้อฟื้นโครงการ Rogers E20a/ii ขึ้นมาทดแทนรุ่นเก่า โดยยังคงให้ความสำคัญแนวเสียงหรือบุคลิกดั้งเดิมเอาไว้ สังเกตจากภาคปรี ขยายด้วยหลอด 12AX7 แต่ภาคขยายเอาต์พุตเป็นแบบ Push-Pull Class A กำลังขับ 18 วัตต์ ด้วยหลอด 6L6 สี่หลอด (แชนเนลละสองหลอด)

           นักเล่นหลอดคงทราบว่า สำหรับ 6L6 EL34/6CA7/807 นั้นจัดเป็นหลอดตระกูลเดียวกัน แต่บุคลิกเสียงก็แตกต่างกันไป การที่ Rogers เลือก 6L6 มาเป็นหลอดเอาต์พุต แทนที่จะใช้หลอดอื่นๆ น่าจะเพราะต้องการจัดบุคลิกของแอมป์ให้ตรงกับความต้องการของ BBC Monitor โดยเฉพาะ

            หลอด 6L6 ลักษณะกายภาพเป็นหลอดคาโธด ความสูงประมาณ 4.25 นิ้ว (108 มม.) เส้นผ่าศูนย์กลาง 1.438 นิ้ว (36.5 มม.) ซึ่งแรกเริ่มเดิมทีทาง RCA ออกแบบขึ้นมาใช้งานครั้งแรกเดือนกรกฎาคม ปี 1936 และมีการพัฒนาเรื่อยมาจนถึงจุดที่ถือว่าสมบูรณ์ มีการใช้งานรองๆ ลงไปจาก EL34 ยอดฮิต เนื้อเสียงของมันจะอิ่มหนากว่า EL34

            Rogers E20a/ii วางตลาดในช่วงปี 2021 วางแผ่นพิมพ์วงจร ผสมผสานกับการไวริ่งสาย เพื่อดึงศักยภาพให้มีความสมบูรณ์สูงสุดในภาคขยาย สอดรับการทำงานลำโพง LS3/5A Classic และ LS5/9 Classic ที่เกิดใหม่อีกครั้งอย่างสมภาคภูมิ ให้ความสะอาดสดใสของเสียงดนตรีแสดงผลด้านไดนามิกที่น่าดึงดูดใจ และการถ่ายทอดอารมณ์เพลงที่ครบถ้วนสมบูรณ์

           สิ่งที่เปลี่ยนแปลงที่มองเห็นได้ชัดคือ หม้อแปลงเอาต์พุตทรานส์ฟอร์เมอร์ที่มีขนาดใหญ่ขึ้นกว่าเดิม และเป็นการผลิตหม้อแปลงชุบน้ำยาแกนเหล็กแฮนด์เมดทุกขั้นตอน แผงวงจรนั้นถูกยกลอยออกจากตัวถังเพื่อช่วยในด้านลดสัญญาณรบกวน สายฮาร์ดไวร์ทั้งหมดใช้ตัวนำทองแดงเกรด LCOFC

           ทุกขั้นตอนมีการผลิตแบบแฮนด์เมดในโรงงานของ Rogers ประเทศอังกฤษ รูปทรงแบบตัวถังคล้ายรุ่นแรก ใช้อลูมิเนียม Non-magnetic ชุบผิวอโนไดซ์อย่างพิเศษ เพื่ออายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยเฉพาะแผงหน้าปัดเครื่องเป็นอลูมิเนียม CNC หนา 18 มิลลิเมตร

            หลอดเอาต์พุต หลอดภาคไดรฟ์ และหลอดภาคปรี สกรีนตรา Rogers ดูขลังดีทีเดียว โดยมีหลอดเอาต์พุต 6L6GTจำนวนสี่หลอดเรียงกัน หลอด 6SN7 เป็นภาคไดรฟ์ และใช้หลอดยอดฮิต 12AX7 เพียงหนึ่งหลอดสำหรับภาคปรีแอมป์  เนื่องจากหลอดเบอร์นี้ ในหลอดเดียวสามารถทำเป็นระบบสเตอริโอได้

            ในแง่ของภาคเรคติไฟร์ที่จะมีหน้าที่เรียงกระแสไฟ แปลงไฟฟ้ากระแสสลับให้เป็นไฟฟ้ากระแสตรง ทาง Rogers เดินทางตามแนวการออกแบบหลอดยุคใหม่ ใช้ไดโอด เป็นภาคเรคติไฟร์ แทนที่ระบบหลอดเหมือนแอมป์ยุคเก่า ดังนั้นจะมองหาหลอดเรคติไฟร์ไม่เจอะเจอ อยู่แล้วครับ

            Rogers E20a/ii มีสองออฟชั่นให้เลือกคือ เครื่องที่มีแต่เฉพาะภาคไลน์ และเครื่องที่มี ภาค Phono

            สำหรับเครื่อง Rogers E20a/ii  ที่มีออฟชั่นภาคขยายหัวเข็มแผ่นเสียง จะมีบอร์ดPhono ขยายด้วยหลอด12 AX7 สองหลอดคู่ ด้านซ้ายมือ อีกหนึ่งแผงวงจรแยกออกจาก เมนบอร์ดหลัก

            เครื่องออฟชั่น เฉพาะภาคไลน์นั้น จะมีราคาอยู่ที่ 220,000.- บาท

            ส่วนเครื่องออฟชั่นเต็มมีภาค Phono วางราคาไว้ที่ 250,000.- บาท

Test Report

           เครื่อง Rogers E20a/ii เครื่องนี้ ถือเป็นเครื่องแรกที่นำเข้าในประเทศไทย ทางตัวแทน ส่งมาให้ผมทดสอบในทันทีที่ลงจากเครื่อง จากขนส่งของ FedEx หลังจากแกะกล่องมาอุ่นเครื่อง เห็นทรงและบุคลิกแล้ว มีความใกล้เคียงรุ่นแรก คือ Rogers E20a อยู่ในระดับหนึ่ง แต่ในหลายๆ ส่วน ก็แตกต่างกันไปตามยุคแห่งการพัฒนาเทคโนโลยี

            ย้อนความทรงจำระหว่างรุ่นแรก และรุ่นปัจจุบัน ตามที่สายตามองเห็น

           ครอบตะแกรงทรงโค้ง เดิมที่เคยทำเป็นสีเงินในรุ่นอดีต และทิ้งส่วนล่างเป็นที่สกรีนตำแหน่งอินพุต ในรุ่นใหม่คือ Rogers E20a/ii จะเป็นตะแกรงโค้งสีดำครอบ เจาะรูละเอียดให้ดูโปร่ง สองด้านมียางปิดเป็นเส้น ไม่มีการเว้นที่สกรีนอักษรใดๆ

            ปุ่มโวลุ่มในรุ่นใหม่ Rogers E20a/ii จะเป็นโวลุ่มที่มีระบบมอเตอร์ สำหรับสั่งการระยะไกล จากรีโมตคอนโทรล

            ปุ่มคอนโทรลสองปุ่มด้านหน้าดิสเพลย์ ซ้ายเป็นซีเล็คเตอร์ ขวาเป็นโวลุ่ม ตรงกลางที่เห็น เป็นช่องเซนเซอร์สำหรับรับสัญญาณรีโมต ทุกอย่างอยู่ในโทนดำขรึมล้วนๆ ดูเรียบง่ายมากยิ่งขึ้น

            ส่วนรุ่นเก่า จะมีปุ่มแบบโวลุ่ม ปรับเลือกด้านหน้าจำนวน 5 ชุด ซ้ายสุด เป็นเทปมอนิเตอร์ ตามมาด้วย Source selector เลือกโปรแกรมอินพุต ทั้งภาคโฟโน ซีดี และไลน์  ที่เหลือคือ ปุ่มบาลานซ์ ซ้าย-ขวา (ที่จะไม่มีในรุ่นใหม่) ปุ่มโวลุ่ม

            และสุดท้าย รุ่นเก่าใช้ปุ่มปิดเปิดเพาเวอร์ อยู่ด้านหน้า ในขณะที่ Rogers E20a/ii ใหม่ นี้จะ ปิด -เปิด เพาเวอร์ด้วยสวิตช์ด้านหลังเครื่อง

           ขั้วต่อลำโพง Rogers E20a/ii ใหม่ล่าสุดมีหนึ่งชุด แยกซ้ายขวาห่างจากกัน เป็นการชุบสีทองสะดุดตางามเด่นทีเดียว ในส่วนอินพุต RCA ด้านหลังชุบทองโกลด์เพลทอย่างดี ดูโปรมาก

            อินพุตมี 4 ชุด L1 (phono) และ L2, L3, L4  (ส่วนรุ่นแรกจะมีอินพุต 6 ชุด รวมทั้ง โฟโน)

           ข้อสังเกตที่น่าสนใจ ได้แก่ ขั้วลำโพงในเวอร์ชั่นเก่าเป็นแบบขั้วพื้นฐานดำแดงธรรมดาๆ แต่มีช่องทางให้ปรับเลือกค่าโอห์มได้

            ส่วนในรุ่น E20a/ii นี้ จะไม่มีให้ปรับค่าโอห์ม เพราะวงจรได้จูนมาสำหรับค่าความต้านทานลำโพงที่สะวิงขึ้นลงได้พอดีแล้ว โดยเฉพาะกับ BBC Monitor ถือว่าเหมาะเจาะอย่างยิ่ง

           E20a/ii มีรีโมตควบคุมโวลุ่มในระยะไกลได้ เทคนิคการออกแบบจึงเลยขอบเขตมาไกล แต่ก็เป็นการย้อนคืนกลับมา เพื่อสร้างสมดุลของลำโพงตระกูล BBC โดยเฉพาะ

           ที่ผมออกจะไม่ชอบคือรูปทรงรีโมต สีเงินมันเชยๆ ไปหน่อย แต่ก็คอนโทรลสมูทดี ใช้ได้เฉพาะการเร่ง-ลดโวลุ่ม   

            ส่วนตัวนะ สำหรับผม รีโมตไม่ต้องมีก็ยังได้

          แผงวงจรดูเรียบๆ การวางตำแหน่งสมดุลดี ฝีมือการบัดกรีนั้น ต้องบอกว่า ไม่เนี้ยบในแบบงานที่ใช้ระบบเครื่องมือ Robot อุตสาหกรรม มองด้วยสายตาจะเห็นว่า นี่คือการทำงานแบบแฮนด์เมดจริงๆ

           รูปทรงตัวถังสะท้อนความรู้สึกเก่าๆ ในอดีต แต่ถ้าถามว่า ดีไซน์เทียบกับเวอร์ชั่นแรก เป็นไง ก็ต้องบอกว่า รุ่นแรกดูคลาสสิกน่ารัก ส่วนรุ่น E20a/ii ซึ่งทรงจะดูขรึมดำสนิท แบบร่วมสมัย  ที่สำคัญคือคุณภาพเสียง ว่าจะเป็นฉันใด?

            จากผลการทดสอบ ในช่วงระยะเวลาหนึ่งสัปดาห์เต็ม ผมเน้นไปที่ภาค Line จากเครื่องเล่นแผ่นซีดี กับลำโพง Rogers LS3/5A รุ่น 15 โอห์ม รุ่น11 โอห์มซิงเกิ้ล KEF LS3/5A Special Edition อันเป็นรุ่นดั้งเดิมทั้งหลาย เปรียบเทียบเข้ากับ Rogers LS3/5A Classic (15 โอห์ม) รุ่นปัจจุบัน สลับทดลองเสียงเปรียบเทียบกัน

            ผมพบว่า การขับ Rogers LS3/5A Classicใหม่ล่าสุดนี้ ดูจะลงตัวที่สุด เสริมน้ำหนักเสียงได้อย่างหนักแน่น และยังเปิดเผยรายละเอียดได้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้นกว่าแอมป์อื่นๆ เหมือนว่า คุณแอนดี้ (Andy Whittle) จงใจออกแบบให้มันเป็นคู่ซี้ LS3/5A Classic ของเขาโดยเฉพาะ

            ส่วนการขับลำโพงตระกูล LS3/5A รุ่นดั้งเดิมทั้งหมดนั้น ก็ทำได้ดีมากครับ ช่วยขยายขอบเขตเสียงให้กว้างขึ้น แต่การใช้งานร่วมกับ Rogers LS 3/5 A Classic รุ่นปัจจุบัน จะทรงประสิทธิภาพที่สุดทุกด้าน

            เข้าคู่กันได้อย่างสุดยอดมาก !!!

            หนึ่ง เสียงดนตรีกว้างลึกสะอาด

            สอง ให้เสียงเปิดแบบหลุดตู้แบบเป็นสามมิติเลยทีเดียว

            สาม ให้พลังลึกเร้น ไดนามิค การสะวิงตัว เหนือกว่าแอมป์โซลิดสเตททุกตัวที่ผมเคยขับLS3/5A

            สี่ ให้ช่องไฟดนตรีของ LS3/5A ทุกเวอร์ชั่น สวยงามขึ้น จุดตำแหน่ง อิมเมจระดับสมบูรณ์แบบครับ

            ไม่น่าเชื่อว่า นี่คือแอมป์หลอด 18 วัตต์ ต่อแชนแนล!!!

            เพราะก่อนหน้านั้น ผมใช้แอมป์โซลิดสเตทชั้นดี ระบุความเพี้ยน THD ต่ำสุดๆ และให้กำลังขับเกิน 120 วัตต์ ต่อแชนแนล มาขับเสียงลำโพง Rogers LS3/5AClassic เสียงที่ได้จะดูเหมือนบีบเค้น และได้กำลังออกมาก็เหมือนๆ ว่าจะดีนะ ทว่าความถี่และความเปิดกว้างหดหาย เสียงด้วนๆ

            ดังนั้นคำตอบของแอมป์บ้าพลัง ก็คงไม่ช่วยให้ BBC Monitor ไปถึงจุดสูงสุดได้

            แต่ Rogers E20a/ii ขับ LS3/5 A คือสรวงสวรรค์เลย โดยเฉพาะหลอด 6L6 นี่  มีบุคลิกเบสแน่นอิ่ม เสริมคุณสมบัติลำโพงมอนิเตอร์ ของบีบีซี ได้อย่างหมดจด

           ผมทดลองนำ Rogers E20a/ii ขับเสียง Harbeth 30.2 Anniversary และ P3ESR ก็ถือว่าได้คุณภาพเสียงที่น่าพอใจทั้งรายละเอียดและความเปิดกว้างของเสียง ขับออกได้อย่างสบายๆ เต็มที่ เช่นกัน

            ส่วนในการเล่นภาคปรี Phono ใน Rogers E20a/ii ผมต่อเข้ากับ Nottingham Horizon พบว่าแนวเสียงกลับจะออกมาแนวหวานละเมียดละมัย พลังไดนามิกดี แต่ไม่ทรงพลังเท่าภาคไลน์ เป็นเสียงแนวโรแมนติก งดงาม หวานอิ่มมากกว่า

            แต่ภาคปรีโฟโนหัวเข็ม MM นี้ ค่อนข้างจะให้เลเวลความดังต่ำกว่าภาคไลน์ค่อนข้างมาก คือต้องหมุนเกนโวลุ่มถึง 12.00 นาฬิกา ขึ้นไปจนถึง 14.00 น. จึงจะเท่าๆ ภาคไลน์ที่ 10.00 น. บางท่านอาจจะรู้สึกได้ว่า เกนมันค่อนข้างต่ำ

            ผมเข้าใจว่า ผู้ออกแบบทำแบบนี้ เพื่อลด Noise และต้องการให้เสียงสะอาดมากขึ้นนั่นเอง

            ด้วยสนนราคาของภาค Phono อีกสามหมื่นบาท เพิ่มขึ้นมานั้น สำหรับผม ผมว่าคุ้มครับ แต่บางท่านไม่เล่นแผ่นเสียงก็สามารถเลือกออฟชั่นเฉพาะภาคไลน์ก็ได้

            โดยสรุป Rogers E20a/ii ให้บุคลิกของแอมป์หลอดที่ก้าวสู่ยุคใหม่ของการฟังเพลงที่ต้องการรายละเอียดเต็มที่ อิ่มฉ่ำ เนื้อเสียงแน่น มีพลัง มีแนวเสียงเฉพาะตน และสร้างมาเพื่อพี่น้องตระกูล BBC Monitor โดยเฉพาะ

            ถือว่าการออกแบบ Rogers E20a/ii ได้พัฒนาวงจรต่อยอดการกลับมาของ Rogers แห่งอังกฤษ ได้น่าประทับใจ โดยเฉพาะเจ้าของ LS3/5 A ทั้งหลาย ผมบอกได้เลยว่า คุณต้องไม่พลาดครับ ถ้ารักความเป็น Rogers หรือ รัก 3/5A แล้วอยากไปให้สุดทาง

            นี่แหละสิ่งที่ Andy Whittle ให้คำตอบกับคุณ

สนใจทดลองฟัง หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

ร้าน Msound   โทร. 096-978-7424

ร้าน เต่า ออดิโอ กทม.  โทร. 088-005-5156

ร้าน เพื่อนกันไฮไฟ ชลบุรี   โทร. 081-982-0282

คุณยุ่น  Mavin  โทร. 064-145-1666 

คุณสมชาย  ร้าน MUSE ฟอร์จูน  โทร. 081-628-7662

Specifications

Output Power: 18 Watts per channel Class A at 8 Ohms 1KHz 3% THD

Phase Splitter: 2 x 6SN7Anode

Follower: 1 x 12AX7

Phono Stage: 2 x 12AX7

Power Consumption: 160 Watts

Fuse Ratings: 240V Supply, 1A surge resistant | 120V Supply, 3.15A surge resistant

Weight: 13Kg Net 15Kg Gross

Dimensions (H x W x D): 160 x 450 x 390mm, 160 x 450 x 450mm (inc knobs/sockets)

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here