NAD Master M10 – Music Streaming Integrated Amplifier

ถึงเวลาเปลี่ยนยุคไฮเอนด์

            NAD ผู้ผลิตเครื่องเสียงที่ยึดหลักปรัชญาในการออกแบบเครื่องเสียงที่ให้คุณภาพเสียงที่ดีโดยไม่จำเป็นต้องใหญ่โต ซับซ้อนและราคาไกลเกินเอื้อม ซึ่งเป็นปรัชญาที่ยึดถือมาช้านานและก็ไม่ทำให้ผู้เล่นเครื่องเสียงผิดหวังเลย เริ่มจากในยุคแรก ๆ ด้วยวงจรที่เรียบง่ายแต่ให้เสียงที่ดีเหลือเชื่อจนตอนหลังถึงกับมีการนำเอาวงจรดั้งเดิม มาพัฒนาและนำไปใช้เป็นต้นแบบอย่างแพร่หลาย

            พอมาถึงยุคของดิจิตอล NAD ซึ่งไม่ใช่ประเภทอนุรักษ์นิยมหรือกระแสนิยม หากแต่จะทำอะไรต้องรู้จริงและต้องทำได้ดีด้วย จึงได้ทีมงานที่หันมาพัฒนาด้านดิจิตอลโดยเฉพาะจนแตกเป็นแบรนด์ BlueSound เครื่องเสียงแบบไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมียม

            หลังจากที่ NAD ออก Master Series ซึ่งมี Line up ที่หลากหลายครบถ้วน ก็มาถึงน้องใหม่ในซีรีส์เดียวกันคือ M10 ตัวที่กำลังจะพูดถึงนี้ ซึ่งฉีกรูปแบบออกจากบรรดารุ่นพี่ทั้งหมด นับตั้งแต่การออกแบบที่มีขนาดเล็กที่แทบจะครบทุกอย่างในเครื่องเดียว

แค่นำลำโพงมาต่อก็เล่นได้แล้ว เพราะมันเป็นทั้ง DAC, Music Streaming, Integrated Amplifier ทุกอย่างรวมอยู่ในกล่องสีดำอลูมิเนียมปัดเงา ปิดทับด้านบนด้วยแผ่น Gorilla Glass สีดำมัน พร้อมโลโก้ NAD ที่จะเรืองแสงเมื่อเปิดเครื่อง ด้านหน้าเป็นหน้าจอสีแบบสัมผัสขนาด 7 นิ้ว ที่ไม่เพียงแสดงข้อมูลและปกอัลบั้มเวลาเล่นเพลงเท่านั้น ยังสามารถเลือกฟังก์ชั่นใช้งานต่าง ๆ จากการสัมผัสได้เลย

ภายในกล่องอัดแน่นด้วยประสิทธิภาพที่เครื่องเสียงระดับราคาแพงพึงมี เริ่มจากกำลังขับต่อเนื่อง 100 วัตต์ที่ 8 โอห์ม ด้วย HybridDigital แอมป์ พร้อมด้วยเทคโนโลยี nCore ที่ช่วยให้สามารถขับลำโพงได้แทบจะไม่เกี่ยงรุ่น หรือยี่ห้อ ทำให้ได้ทั้งพลัง รายละเอียด และความสมจริงของดนตรี

ในส่วนของตัวถอดรหัสดิจิตอล หรือ DAC จะใช้ 32-BIT/384kHz ESS Sabre DAC ซึ่งเป็น DAC คุณภาพสูงรองรับไฟล์เพลงในฟอร์แมต MQA, FLAC, WAV, AIFF นอกจากนั้น การเล่นไฟล์เพลงผ่านบลูทูธ สามารถรองรับไฟล์ไฮเรส 24 bit ด้วยชิป Qualcomm aptX HD

ระบบปฏิบัติการภายในใช้  BluOS ที่ใช้ง่าย โดยเราสามารถควบคุมทุกฟังก์ชั่นผ่านมือได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น ยังรองรับการสั่งการด้วยเสียงผ่าน  Amazon Alexa หรือ Google Assistant ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่ทำให้การสั่งการสะดวกยิ่งขึ้นเมื่อต่อเข้ากับระบบ Smart Home โดย M10 ใช้ร่วมกับผู้ผลิตชั้นนำต่าง ๆ ได้ อาทิ Apple, Crestron, Control4, Lutron เป็นต้น แล้วสั่งให้เปิดแอร์ เปิดทีวี เปิดไฟ เปิดเพลง โดยไมต้องพึ่งพาใครอีกต่อไป

อย่างที่เรียนในตอนต้นว่า M10 รวมแทบทุกอย่างไว้ในกล่องเดียว และนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของฟังก์ชั่นเด่นๆ เท่านั้น ยังมีอีกมากมายที่เกรงว่าสาธยายแล้วจะยืดยาวเกินไป เราดูการใช้งานจริงๆ กันดีกว่า ว่าตัวเล็กแค่นี้ประสิทธิภาพจะเล็กตามหุ่นหรือว่าเป็นเล็กพริกขี้หนู

แต่ก่อนที่จะว่ากันต่อไป อยากให้พวกเราถอดความรู้สึกของเครื่องเสียงเครื่องใหญ่ๆ ราคาแพงๆ วางไว้ก่อน รวมทั้งคนที่เคยมีประสบการณ์ที่อาจไม่น่าประทับใจนักกับการเล่นเครื่องสตรีมเมอร์ประเภทนี้จากบางยี่ห้อ การเซ็ตอัพเครื่องของ M10 ไม่จำเป็นต้องมีพิธีรีตองนัก แค่นำเอาสายลำโพงต่อเข้ากับไบดิ้งโพสต์ด้านหลังซึ่งออกแบบมาให้ต่อสายได้ง่าย หมดกังวลเรื่องสายขั้ว +/- จะไปแตะกัน ส่วนการวางลำโพงก็เอาตามที่ถนัด หรือถ้าไม่สันทัดในเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร เพราะใน M10 ได้ซื้อลิขสิทธิ์ Dirac Live Room Correction ติดตั้งอยู่ในเครื่องอยู่แล้ว เพื่อทำการปรับอะคูสติกให้เข้ากับสภาพแวดล้อมของห้อง (หมายเหตุ Dirac Live ที่ติดตั้งมานี้สามารถปรับอะคูสติกได้ระดับหนึ่งโดยจำกัดเฉพาะบางย่านความถี่เท่านั้น แต่ถ้าต้องการระดับที่ละเอียดกว่านี้ ต้องอับเกรดเป็น Dirac Live Full Frequency version จะทำให้เราสามารถปรับได้ทุกย่านความถี่)

จากการทดลองใช้ Dirac Live Room Correction ก่อนอื่นต้องดาวน์โหลดแอพ Dirac Live มาติดตั้งบนมือถือเราก่อน เวลาใช้งานจะต้องอยู่ในวง LAN เดียวกันเพื่อให้ตัวแอพค้นหาเครื่องที่รองรับ Dirac Live จากนั้นจะให้เรากำหนดจุดนั่งฟัง ซึ่งมีให้เลือกระหว่างที่นั่งสำหรับคนเดียว (เพราะจุดนั่งฟังจะแคบ) และโซฟายาว และใช้ไมโครโฟนวัดคลื่นความถี่เสียงในแต่ละจุด รวมๆ ตำแหน่งที่นั่งฟังแล้วทั้งหมด 13 จุด

            ถ้าจะให้ดีควรมีขาตั้งไมค์ และวางไมค์ในระดับหูของคนนั่งฟัง ถ้าจะว่าไปแล้วจะคล้ายกับการเซ็ตอัพของโฮมเธียเตอร์ เมื่อได้ค่าในแต่ละจุดแล้วตัวแอพจะคำนวณค่าที่ดีที่สุด จากนั้นจะอัพโหลดไปเก็บไว้ที่ Dirac แต่อย่างที่บอก เนื่องจากเวอร์ชั่นฟรีนี้จะให้ใช้งานได้เพียงระดับพื้นฐาน และจะไม่ครบทุกย่านความถี่ ถ้าต้องการใช้งานให้ครบก็ต้องซื้อเวอร์ชั่นเต็มในราคา 99 เหรียญ

สำหรับกำลังขับ 100 วัตต์ต่อแชนแนลนั้น ย่อมหนีไม่พ้นต้องใช้แอมป์ฯ คลาส D เนื่องด้วยตัวเครื่องที่มีขนาดเล็ก คงไม่สามารถใส่ฮีทซิงค์ระบายความร้อนขนาดใหญ่ได้ หลายคนอาจเป็นห่วงว่ามันจะเหมาะกับการฟังเพลงเหรอ บอกได้เลยว่าต้องพิสูจน์กับหูตัวเองครับ

หลังจากที่สัมผัสจากเพลงทั้ง Vocal, Easy Listening, Classic, Jazz เป็นต้น นอกจากให้รายละเอียดที่ดีเยี่ยม มีพลังเบสที่เหมือนนักมวยหมัดหนักที่โป้ง ๆ เข้าเป้า และเมื่อมาเจอกับเพลงร้องหรือแนวเพลงฟังสบายๆ แล้ว มันกลับเหมือนนักมวยที่มีลีลาพลิ้วไหวได้อย่างสง่า ราวกับว่า M10 เป็นทั้งนักชกแบบ fighter หรือ boxer ได้อย่างลงตัว

ส่วนใครที่ห่วงว่าเสียงจาก Class D จะแห้ง ไร้ชีวิตชีวานั้น ขอให้ล้างความคิดนี้ออกจากสมองได้เลย! เนื่องด้วยปัจจุบันเทคโนโลยีมันก้าวหน้าไปมาก อย่าง M10 นี้ได้นำเอา NCORE® TECHNOLOGY ของ HYPEX มาเพิ่มเข้าไปในวงจร ซึ่งเทคโนโลยีนี้ไม่ธรรมดา เสียงที่ได้นอกจากมีไดนามิก รายละเอียด ความเจนและสะอาดแล้ว สิ่งที่ต้องยกนิ้วให้คือ มันมีความเป็นดนตรีที่ดีเยี่ยม และเสียงที่เป็นอนาล็อกจนไม่อยากจะเชื่อว่านี่เรากำลังฟังจากแอมป์ดิจิตอล Class D ตัวจิ๋วนี้

ด้วยความเป็น Music Streaming Integrated Amplifier ที่รองรับผู้ให้บริการเพลงออนไลน์ร่วมสิบกว่าราย แต่ขอลองเฉพาะรายที่นักฟังเพลงบ้านเรานิยมกันคือ Tidal ซึ่งเราสามารถเลือกได้จากมือถือของเราผ่านแอพ BluOS ได้เลย สร้างอัลบั้มของเรา จัดคิวเพลง ปรับระดับเสียง เป็นต้น ทุกอย่างเบ็ดเสร็จบนหน้าจอเดียว และสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือ การรองรับ MQA เมื่อ Tidal มีให้บริการเพลงในฟอร์แมตนี้แล้ว จะขาดเครื่องเล่นที่สามารถถอดรหัสได้อย่างไร


และ M10 ก็เตรียมพร้อมให้แล้วเช่นกัน ปัจจัยสำคัญของการสตรีมเพลงไฮเรสนั้น อินเทอร์เน็ตเราต้องแรง และมีแบนด์วิธเพียงพอด้วย ไม่นั้นจะติดๆ ขัดๆ เสียอารมณ์ในการฟังเพลงเปล่าๆ ส่วนแฟน DSD นั้น อาจจะรู้สึกผิดหวังนิดๆ ที่เล่นจากมือถือไม่ได้ ทั้งนี้ ขอแนะนำให้ติดตั้งแอพบนเครื่องคอมพิวเตอร์ (Windows หรือ Mac) แล้วเล่นผ่านคอมก็จะไม่ผิดหวังครับ

การทดสอบครั้งนี้เป็นการใช้เครื่อง M10 ล้วนๆ โดยไม่ได้นำเอาอุปกรณ์เครื่องเล่นอื่นมาต่อพ่วงด้วย และสื่อที่เล่นเป็นสื่อดิจิตอลล้วนเช่นกัน ทั้งจากออนไลน์สตรีมมิ่ง โดยมี Tidal เป็นหลัก และ external harddisk ซึ่งมีเพลงหลากหลายฟอร์แมต เช่น FLAC, APE, WAVE, DSD แต่ไม่ว่าจะเล่นจากแหล่งไหนและฟอร์แมตไหนก็ตาม สิ่งที่เหนือความคาดหมายจริงๆ คือ ความเป็นอนาล็อกของ M10 ที่ทำได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ในขณะที่เสียงดนตรีมีความเป็นธรรมชาติและสมจริงจนแทบไม่อยากเชื่อว่านี้เป็นเสียงจากเครื่องเล่นดิจิตอลขนาดเล็ก

โดยสรุปแล้ว M10 ไม่เพียงแต่มีความสวยงามแล้ว ยังให้เสียงที่ดีเกินตัว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เริ่มขยับกับการฟังเพลงแบบไลฟ์สไตล์มาเป็นแบบมืออาชีพมากขึ้น แต่ยังคงต้องการความเรียบง่ายและไม่ต้องการวุ่นวายกับการติดตั้ง ส่วนนักเล่นเครื่องเสียงที่เน้นอนาล็อกเป็นหลัก ก็ถือเป็นการเริ่มต้นขยับสู่การเล่นไฟล์เพลงดิจิตอลที่ง่าย และยังคงได้อรรถรส รายละเอียด ความเป็นดนตรีที่เป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัวเช่นกัน

สนใจทดสอบเสียง และขอรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่ บริษัท โคไน้ซ์ อีเล็คโทรนิค จำกัด

เลขที่ 4 ซอยวิภาวดีรังสิต 2 แยก 2 แขวงรัชดาภิเษก เขตดินแดง กรุงเทพฯ 10400

โทรศัพท์ 02-276-9644 โทรสาร 02-275-7023

FEATURES & DETAILS

➢ Continuous Power: 100W into 8/4 Ohms

➢ Dynamic Power: 160W into 8 Ohms  

300W into 4 Ohms  

➢ 32-BIT/384kHz ESS Sabre DAC  

➢ 1GHz ARM® CORTEX A9 Processor

➢ Dirac Live Room Correction*  

➢ Color TFT display  

➢ Supports Amazon Alexa Voice Control Skills

➢ AirPlay 2 Integration*  

➢ Supports Siri Voice Assistant via AirPlay 2  

➢ Two-way Qualcomm aptX HD Bluetooth  

➢ NFC Bluetooth pairing for compatible smart devices  

➢ BluOS multi-room compatible  

➢ Gigabit Ethernet

➢ HDMI eARC, USB Type A Input  

➢ Stereo Line Inputs, Coax/Optical Inputs

➢ Preamp Output, Subwoofer Output

➢ IR Input, 12V Trigger Out

➢ Apps for iOS, Android, Mac OS, Windows, Crestron, Control4, RTI, URC, Elan, Lutron, iPort  

➢ Wide variety of premium music services supported in App, including Amazon, Spotify, Tidal, TuneIn, Napster, Deezer, Qobuz and many other

ทิ้งคำตอบไว้

Please enter your comment!
Please enter your name here