ผมน่าจะได้เป็นบุคคลแรกๆ ที่โชคดีได้จับต้อง ได้ลองเล่นลำโพงของเดนมาร์ก นาม DALI เหตุผลคือในช่วงวัยหนุ่ม บริษัทที่ผมทำงานอยู่ด้วย ได้มีการนำลำโพงที่กำลังทำชื่อเสียงโด่งดัง ของ DALI เข้ามาครบไลน์ เพื่อเปิดตลาดลำโพงเดนมาร์ก ที่ปีเตอร์ ลิงดอร์ฟ (Peter Lyngdorf) เป็นผู้นำทีมออกแบบนำเสนอด้วยตนเองในยุคดังกล่าว

   พัฒนาการในเวลาต่อมาของ DALI นับว่าน่าสนใจมากเพราะทุกช่วงมีการก้าวกระโดดทางเทคโนโลยีมากมาย นับแต่เริ่มต้นในปี 1983 เป็นต้นมา DALI จัดว่าเป็นลำโพงเดนมาร์ก ที่ดีที่สุดแบรนด์หนึ่ง ที่ให้คุณภาพกับราคา สมดุลกันเสมอมา     เรามีบทความเรื่องราวของ DALI ชิ้นนี้ให้อ่านในเว็บ thewave-online.com อยู่แล้วจึงไม่นำมากล่าวซ้ำอีกนะครับ

Dali Opticon2 เป็นลำโพงวางหิ้งในซีรีย์ ไดนามิคสปีกเกอร์  ที่เป็นหนึ่งในลำโพงยอดนิยมของเขาทั้ง 7 รุ่น ไล่เรียงแต่รุ่นวางหิ้ง (วางขาตั้ง) จนถึงวางพื้น เหมาะทั้งการดูหนังฟังเพลงได้แก่ Opticon 8, Opticon 6, Opticon 5, Opticon 2, Opticon 1, Opticon Vokal และ Option LC

   สำหรับ Opticon 2 เป็นรุ่นที่ผมชื่นชอบเป็นพิเศษเพราะเป็นลำโพงวางทิ้งขนาดกลางซึ่งหากจัดขาตั้งที่ดีจะได้คุณภาพทรงพลัง แทบที่จะไม่ต่างไปจากพลังลำโพงวางพื้น หรือบุคลิกเสียงที่เราได้ พบว่าไม่ผิดหวังใดๆ เลยเพราะมีความอิ่มแน่นทรงพลัง และเป็นลำโพงกลุ่มมิด ถึงไฮเอนด์ที่ขับเสียงได้ง่ายที่สุดด้วยครับ

   ตัวขับเสียงของลำโพงระบบสองทางคู่นี้ เน้นการการทำงานร่วมกันที่สอดประสาน นั่นก็หมายถึงเมื่อเราใช้ทวีตเตอร์โดมเป็นหลัก วูฟเฟอร์ (ซึ่งออกแบบเองโดย DALI) ทั้งกระบวนการ ผู้ออกแบบมีจุดประสงค์ให้การผลักอากาศรวดเร็ว มีความเบาเป็นพิเศษ เพื่อเฟสเสียงจะได้ใกล้เคียงกันทั้งสองตัวขับ

   DALI เลือกวัสดุที่ให้เสียงเป็นธรรมชาติที่สุดนั่นก็คือ

  กรวยลำโพงวูฟเฟอร์ ขนาดหกนิ้วครึ่ง เป็นกระดาษทรงครึ่งวงกลมปราศจากดุมกลางหรือดัสแค็ปกันฝุ่น ออกแบบฉีกออกไปจากความเคยชินต่อสายตาของเรา ที่เคยเห็นบรรดาวูฟเฟอร์ของลำโพงทั้งหลายยังอยู่ในรูปลักษณ์ดั้งเดิมที่ยังมีดุมกลางอยู่

     กรวยหรือไดอะแฟรมของมิดเร้นจ์/วูฟเฟอร์ มีกรรมวิธีผลิตขึ้นรูปจากผงกระดาษที่ผสมกับเยื่อไม้ในลักษณะสมมาตรแบบมวลต่ำ ให้ความเบา แต่ผลักอากาศได้ดี ใช้แม่เหล็กแบบเฟอร์ไร้ท์ขนาดใหญ่พิเศษ

    ทวีตเตอร์โดมอ่อนแบบผ้าไหมเคลือบน้ำยาสูตรเฉพาะของ DALI ขนาด 28 มิลลิเมตร หรือหนึ่งนิ้วเศษ ทำงานร่วมกันด้วยจุดตัดที่ 2KHz ของครอสโอเวอร์ที่เหมาะสม โดยรวมลำโพงสามารถสนองตอบความถี่ได้ตั้งแต่ 59Hz – 27,000Hz ได้ค่อนข้างราบเรียบ และสะอาดโดยปราศจากรอยสะดุดของช่วงต่อครอสโอเวอร์ อันนี้ ฟังเสียงแล้วคุณทั้งหลายต้องชื่นชมแน่นอน

     การออกแบบวูฟเฟอร์ให้มีลักษณะเบา ผลักอากาศอย่างรวดเร็วว่องไว แบบนี้ การทำงานร่วมกับทวิตเตอร์จึงดูราบรื่น ทำให้เกิดผลโทนัลบาลานซ์เข้าขั้นสวยหรูเลยทีเดียว

   สิ่งที่เราอาจไม่ทราบจากการชมแค่รูปแบบลำโพงจากภายนอกคือ ความลับที่ซ่อนไว้ใน ระบบการผลักดันของแม่เหล็กของตัวขับเสียงกลางต่ำก็คือ ใช้เทคนิคของแม่เหล็กแกนเฟอร์ไร้ท์ ที่มีการวางล้อมรอบ ขั้วแม่เหล็ก SMC (Soft Magnetic Compound) ที่จะช่วยให้การผลักอากาศอย่างสมมาตรจริงจัง ดังนั้นเบสจะสะอาด นิ่งและตัวกรวยทรงตัวได้อย่างยอดเยี่ยมเลยทีเดียว

    เคล็ดลับอีกประการหนึ่งที่สำคัญก็คือการออกแบบตัวตู้ที่มีความแข็งแกร่ง และรูปทรงซึ่งแม้ว่าจะไม่ได้หนีจากรูปแบบเดิมๆ ที่ DALI เคยออกแบบและประสบผลสำเร็จมาช้านาน การวางจังหวะของตัวขับเสียง และ ขนาดของตู้ซึ่งถูกกำหนดไว้อย่างพอดีนั้นจะทำงานเป็นหน่วยเดียวกันอย่างสมบูรณ์

   ขนาดตู้ที่ดูเหมือนจะมีขนาดกลางๆ อันเป็นที่นิยมกันในยุคสมัยนี้ โดยมีขนาด 351 (H) x 195 (W) x 297 (D) มิลลิเมตร และมีน้ำหนัก 7.8 กิโลกรัม / ข้าง ผิวตู้มีสีให้เลือก 3 สีคือ ผิวนอกแบบไม้วอลนัทสีน้ำตาล  ผิวไม้แอชสีดำ และสีผ้าซาตินสีขาว

   คู่ที่นำมาทดสอบ แกะกล่องใหม่เอี่ยมเป็นตู้ผิวไม้แบบเนื้อไม้วอลนัทสวยงามมากทีเดียว การเจาะท่อพอร์ตด้านหลัง ทำให้ผม ได้ลองท่อพอร์ตของลำโพง DALI Opticon2 เพราะการจูนระยะห่างระหว่างท่อพอร์ตหลัง กับผนังหลังห้องฟัง นี่ เป็นเทคนิคที่ทำให้ได้เสียงเบสที่อิ่ม นุ่ม หรือเบาบางได้ทั้งสองประการ ที่เราจะต้องทดลองกันดู

   อีกประการหนึ่งที่ชอบก็คือเป็นลำโพงสองทางที่ให้ขั้วลำโพงแบบไบร์ดิ้งโพสต์มาดีมาก และก็เป็นแบบ single wired ตรงนี้เอง DALI จะทำให้เห็นว่าเราไม่จำเป็นที่จะต้องใช้ขั้วต่อสองชุด ไบร์ไวร์ เสียงก็ดีเยี่ยมได้เช่นกัน   ตามมาอ่านในบทสรุปผลทดสอบกันครับ

  Test Report

  ผมต้องเรียนก่อนว่าได้พยายามหาอินทีเกรเต็ดแอมป์ ซึ่งมีบุคลิกลักษณะเสียงแตกต่างกันถึงสามเครื่องเพื่อที่จะได้ทดสอบลำโพงคู่นี้อย่างจริงจัง แล้วก็พบว่าความแตกต่างของแอมป์ นั้นไม่ใช่ปัญหา เพราะลำโพงมีบุคลิกเป็นของตัวเองอย่างแม่นมั่น นั่นก็คือความอิ่มเอมในน้ำเสียงและความหนักแน่น อบอุ่นไปพร้อมพร้อมกับเสียงกลางแหลมที่ละเอียดละเมียดละไมน่าฟัง

   ผมใช้เวลาในการเบิร์นไปเรื่อยๆ ด้วยเพลงหลัก ซิมโฟนีหมายเลข 9 ในบันไดเสียง ดี ไมเนอร์ ของบีโธเฟน ส่วนใหญ่รู้จักกันในชื่อ คอรัลซิมโฟนี เป็นผลงานซิมโฟนีชิ้นสุดท้ายที่คีตกวีท่านนี้แต่งได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์

  โดยใช้แผ่นซีดีรุ่นเก๋า LONDON SYMPHONY ORCHESTRA & CHORUS / BERNARD HAITINK ที่ผมคิดว่า ช่วยเบิร์นลำโพง ด้วยการเปิดวนซ้ำรีพีท คือวนไปมาทั้งแผ่น สองสัปดาห์ต่อเนื่อง นับว่าโอเคที่สุด

   จากนั้น คือการเซ็ตอัพ การฟังจริง โดยห้องฝั่งของผมที่มีขนาด 4 × 7 เมตร สภาพอคูสติคอยู่ในระดับกึ่งสะท้อน กึ่งซับเสียงอย่างละครึ่ง ซึ่งใช้เป็มาตรฐาน ในการทดสอบลำโพงเสมอมา

    ส่วนอินทิเกรเต็ดแอมป์ผมได้เลือกมาสามเครื่องได้แก่

  Mark levinson no. 585 Moon 340ix และ NAD c388 เน้นที่คุณภาพเสียงล้วนๆ ส่วนบุคลิกที่แตกต่าง ราคาที่ลดหลั่นกันไป ในขณะที่เครื่องเล่น สตรีมมิ่ง Magnet ELITE S กับเครื่องเล่นซีดี มาตรฐานหลักคือ Marantz SA-11S3 SACD Player

     การเล่นการฟังที่ต้องบอกว่า บรมสุข จริงๆ ในช่วงสองสัปดาห์ที่อยู่กับลำโพง Dali Opticon2

  พยายามเซ็ตอัพอยู่หลายวันเหมือนกันก่อนที่จะปลงใจกับตำแหน่งที่คิดว่าดีที่สุดนั่นก็คือจูนให้ลำโพง ซึ่งมีท่อพอร์ตออกหลังนี้ให้อยู่ ห่างผนังหลัง 1 เมตร 50 เซนติเมตร ตรงนี้ภายในห้องทดสอบของผมจะค่อนข้างลงตัวก็คือเบสจะมีความนิ่ง อิ่ม และมีมวล

     ลำโพงมีแรงปะทะที่ยอดเยี่ยมมากครับ

    ส่วนในห้องอื่นๆ ที่มีขนาด และสภาพอะคูสติกแตกต่างไปก็ขอให้จูนตามเสียงที่คุณได้ยินและพึงพอใจครับ คือให้เบสนิ่ง เสียงอิ่มแน่นเป็นสำคัญ ที่ Opticon2 ให้คุณได้แน่นอน

   ควรวางลำโพง ซ้าย ขวา ห่างกันประมาณ 1 เมตร 85 เซนติเมตร ถึง 2.30 เมตร โดยไม่มีการโทอินลำโพงหรือเอียงหน้าเข้าหากันแต่อย่างใดนะครับ เพราะทวีตเตอรฺโดมรุ่นนี้เสียงกว้างมากพอเพียง

     เพลงที่นำมาทดสอบแรกสุด เป็นอัลบั้มที่เน้นเสียงร้องของนักร้องขวัญใจของผมก็คือเจนนิเฟอร์วอร์น และจานิส เอียน ลินดา รอนสตัทด์ ฮอลลิโคล ทริโอ ตามด้วยนักร้องวัยเก๋า เคนนี่ โรเจอร์ ซึ่งผมค่อนข้างชื่นชอบเสียงของเค้าเป็นพิเศษ รวมทั้งอัลบั้มของหลุยส์ อาร์มสตรอง “พ่อนักร้องเสลด ติดค้างคอ” อีกสองสามอัลบั้ม

   บางเพลงผมฟังจากสตรีมมิ่ง TIDAL แต่ส่วนมากฟังจาก SACD และแผ่น CD

     จะว่าไปคุณภาพเสียงที่เราได้ยินทั้งหมดในอัลบั้มต่างๆ นั้น เสียงร้องดูจะมีความอิ่มและชัดเจน ให้ความพอดีอยู่ในน้ำเสียงดีจริงๆ ผมไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดถึง DALI Opticon2 จึงได้ความอิ่มเอิบเสียงที่ดีได้ถึงขนาดนี้

  ลำโพงคู่หนึ่งที่มีราคาไม่ถึง 40,000 บาท มันออกจะล้ำเส้น ล้ำหน้าลำโพงระดับห้าถึง 60,000 บาทได้อย่างไรแบบหน้าตาเฉย โดยเฉพาะเสียงที่มีความโรแมนติค ยากนักที่จะบรรยายเป็นตัวอักษรได้ ผมรับรองว่าฟังแล้วจะมีความสุขและติดใจในทันที

  มันคือเสียงโทนอุ่นละเอียดๆ ที่น่ารักมากจริงๆ

   จุดที่เด่นที่ถือว่าเป็นหัวใจหลักของลำโพงคู่นี้ก็คือความเปิดกว้างของเสียง ตำแหน่งดนตรีที่แม่นยำดีมากที่สุดก็จะเป็น ความเปิดโปร่งอิสระของเสียงดนตรี  เพราะความรู้สึกของการคงอยู่ของตู้แทบสลายไปเกือบสิ้น เสียงร้องเสียงดนตรีดูมีอิสระเป็นชิ้นเป็นอัน ไม่ได้อยู่ในกรอบของลักษณะบ็อกซ์ หรือตู้ลำโพง

  เรียกว่าบรรลุซึ่งเสียงอิ่มเอม และเสียงที่เปิดกว้างไร้ขอบเขต หรือกรอบของตู้เลยทีเดียว

   “เดนิชสไตล์” อยากบอกเช่นนี้ครับ ลำโพงจากผลิตผลของเดนมาร์ก ผมเล่นมาหลายแบรนด์ มักมีลักษณะเสียงของความเป็นดนตรีที่อบอุ่นละมุนละไมเสมอ แม้ว่าจะส่งพลังแรงสักเท่าใดลำโพงก็ยังมั่นคงในบุคลิกเสียงของตัวเองอยู่เสมอ

   DALI Opticon2 จะแตกต่างออกไปคือ เสียงแบบมีมนต์เสน่ห์ล้ำลึก เป็นกันเองและผ่อนคลาย เสมอต้นเสมอปลาย ฟังเพลงทุกสไตล์ได้ดี ไม่มีข้อจำกัดแต่ประการใด

  ความแตกต่างของแอมปลิไฟร์ที่เรานำมาใช้ ทั้งสามโมเดล อาจจะมีการเจือปนน้ำเสียงในแบบของแอมป์ตัวนั้นๆ อยู่บ้าง อย่างไรก็ตามลำโพงยังคงเป็นพระเอกและแสดงความเป็นตัวเองอยู่อย่างสม่ำเสมอ

   ส่วนที่ต่างออกไปจากการใช้แอมปลิไฟร์ที่ต่างกัน ก็คือบุคลิกเล็กๆ น้อยๆ และรายละเอียดที่เพิ่มขึ้นตามระดับราคาของเครื่องขยายนั้น เช่น mark levinson จะเต็มอิ่มสุด ทาง Moon จะหวานใสปลายเสียงมากเป็นพิเศษ และ NAD จะให้เสียงกลางที่เจิดจรัสขึ้นมีชีวิตชีวายิ่งนัก

   DALI Opticon2 ให้ความน่าทึ่งตรงที่ น้ำเสียง รายละเอียดเหนือราคาอยู่มาก เพราะเปรียบเทียบลำโพง คู่ละ 50,000-60,000 บาท ผมแทบตัดใจไม่ลงว่า ควรเลือกลำโพงที่แพงกว่า Opticon2 จริงหรือ

      นี่เป็นลำโพงที่ผมคิดว่า ฟังแล้วสะเทือนสะท้านในใจ กับคุณภาพอันเต็มอิ่มของดนตรีที่สวยงามทุกลีลา

   จริงๆ นะครับ มันเป็นลำโพงสองทาง วางหิ้ง หรือวางขาตั้งที่อยากให้คุณทั้งหลายได้ลองฟังมากที่สุดคู่หนึ่งในรอบปีนี้ เลยครับ

 สนใจทดสอบฟัง ติดต่อได้ที่ตัวแทนจำหน่าย Elpa Shaw Co., Ltd. โทร. 0-2256-9683

 ราคา คู่ละ 38,500 บาท (Made in Denmark)

ส่งความเห็นที่ นิรนาม ยกเลิกการตอบ

Please enter your comment!
Please enter your name here