Preview

RECORD DOCTOR VI

โดย

11 มกราคม 2021

2605

RECORD DOCTOR VI : RECORD CLEANING MACHINE

เครื่องทำความสะอาดเอี่ยม ให้แผ่นเสียงของคุณ

ต้องเกิดอาการหงุดหงิดตัวเองนิดหน่อย เพราะหลังจากรับเอา เครื่องทำความสะอาดแผ่นเสียง RECORD DOCTOR VI ระบบแมนนวลคุณภาพ รางวัล The Absolute Sound 2020 มาแล้ว ก็มัวแต่ยุ่งอะไรหนักหนามิทราบเพิ่งจะมามีโอกาสทดลองเอาในวันนี้ แล้วก็ต้องยิ้มอย่างอารมณ์ดีว่า นั่น! มันแจ่มจริงๆ

คนเล่นแผ่นเสียงและเทอร์นเทเบิล อยู่กับระบบอนาล็อก เป็นระบบเสียดสี ระหว่างหัวเข็ม ร่องแผ่น และมีมารร้ายคือฝุ่น ที่มาทำให้แผ่นเสียงไวนีลนั้นเต็มไปด้วยไฟฟ้าสถิต รอยขีดข่วน สแคร็ช เมื่อต้องการให้คุณภาพของแผ่น คงทนที่สุด ก็ต้องหาเครื่องมือมาบำรุงรักษามาใช้งาน

บ้างก็ใช้น้ำยาทำความสะอาดแผ่นเสียง ที่มีตั้งแต่น้ำยาเช็ดธรรมดาราคาถูก และไล่เรียงไปจนถึงเครื่องล้างแผ่นระบบอัลตราโซนิกส์ที่มีราคาแพงหูดับ

ทว่าเจ้ากล่องสี่เหลี่ยมกล่องนี้ RECORD DOCTOR VI เป็นอุปกรณ์ที่มีราคาเป็นมิตร และใช้สำหรับทำความสะอาดแผ่นเสียงแบบแมนนวล ที่ไม่เหมือนใคร การที่ผลิตภัณฑ์นี้ได้รับการยกย่องอย่างสูง และเป็นที่ยอมรับมายาวนานตามที่เห็นได้จากการปรับปรุงมายังรุ่นที่หก “VI” ล่าสุดนี้ เป็นรุ่นครบรอบ 20 ปีของบริษัทอีกด้วย จึงไม่ธรรมดานัก

RECORD DOCTOR VI ช่วยทำความสะอาดแผ่นเสียง โดยใช้ท่อดูดลมที่ล้อมรอบด้วยแถบทำความสะอาดแบบสักหลาด แค่เราวางหมุด แป้นกลม แผ่นเสียง และมีสเตบิไลเซอร์แบบกลมและเบาลงบนแกนหมุน

หมุนไปทางด้านหนึ่งของท่อ ด้วยการวางลูกบิดกลม หรือที่ผมเรียกว่าสเตบิไลเซอร์ขนาดใหญ่ไว้เหนือฉลากลาเบลของแผ่นเสียง เท่านั้นละครับ หมุนไปๆ จนครบรอบ ก็จะชุบชีวิตใหม่ให้กับแผ่นเสียงสุดรักของเราทันที

อย่างนี้ต้องลองใช้งานกันดูสิครับท่าน

PREVIEW

มาดูขั้นตอนกับครับ เจ้า RECORD DOCTOR VI เป็นกล่องสี่เหลี่ยม ขนาด มิติ หน้ากว้าง 32 ลึก 18 สูง 18 เซนติเมตร มีช่องดูดลมที่ล้อมด้วยสักกะหลาดสี่เหลี่ยม มีขนาดกว้าง 9.5 เซนติเมตร มีแกนสำหรับวาง และหมุนแผ่นอยู่ในสัดส่วนใกล้กัน

องค์ประกอบ ที่จะนำมาใช้งานร่วมกับกล่องสี่เหลี่ยมตัวหลัก ก็คือแหวนรอง แผ่นกลมที่ด้านรับแผ่นเสียงเป็นสักกะหลาด ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 4 นิ้ว พอดีกับลาเบลแผ่นเสียง จากนั้นเอาแผ่นเสียงไวนีลที่ต้องการทำความสะอาดวางลง แล้วตัวกดทับแผ่น (เหมือนสเตบิไลเซอร์อย่างเบา) เป็นแป้นกลม ทับลงไป

ใช้แปรงปัดฝุ่นแผ่นเสียงที่ใช้อยู่ประจำ ค่อยๆ ปัดทำความสะอาดไปรอบๆ แผ่น (หมุนแป้นไปด้วย จะสะดวกดีมาก) เพื่อช่วยให้ลดฝุ่นลงไปในระดับหนึ่ง

แล้วจากนั้น ก็หยดน้ำยาที่มีมาให้ ลงไปบนแผ่นเสียง ให้เป็นแนวเส้นตรงปริมาณหนึ่ง ใช้แปรงของ RECORD DOCTOR VI ที่มีมาให้ กดลง ปาดให้ทั่วทั้งแผ่นด้วยการหมุนสเตบิไลเซอร์กับแผ่นเสียงให้วนแบบเข็มนาฬิกา ตอนนี้แผ่นเสียงจะชุ่มชื้นด้วยน้ำยา

เอาละครับ เราก็เอาตัวสเตบิไลเซอร์ ออก พลิกเอาด้านเปียกของแผ่นเสียงคว่ำลง จากนั้นวางเจ้าแป้นกลมสเตบิไลเซอร์ลงไป เสียบปลั๊กไฟเครื่องให้เรียบร้อย นะครับ

กดสวิตช์เปิดเครื่องให้ทำงาน (เสียงมอเตอร์จะค่อนข้างดังสักหน่อย) ตอนนี้ระบบมอเตอร์ดูดความชื้น และฝุ่นหน้าแผ่นเสียงออกไป เราก็ใช้มือหมุนสเตบิไลเซอร์แป้นกลมนี้ ให้แผ่นเสียงวนไปตามเข็มนาฬิกา สักสองรอบ อย่างช้าๆ

ตอนนี้ แผ่นเสียงจะถูกเก็บฝุ่น รวมถึงความชื้นออกไปจากหน้าแผ่นทั้งหมด พลิกกลับอีกด้าน ทำในขั้นตอนกระบวนการเดียวกัน จากนั้น ก็จะพบว่าแผ่นสะอาดเอี่ยมแล้วทั้งสองหน้า แผ่นสะอาดนี้พร้อมที่จะนำมาเล่นหรือจัดเก็บตามแต่ความต้องการ

จะล้างแผ่นที่ท่านต้องการไปเรื่อยๆ ก็ได้ครับ น้ำยาที่ให้มาขนาด 4 ออนซ์ น่าจะล้างได้ ไม่ต่ำกว่า 40-50 แผ่นเป็นแน่ ซึ่งท่านจะสามารถสั่งน้ำยาจากตัวแทนจำหน่ายมาเพิ่มเติมได้อีก เท่าที่ทราบมีขวดน้ำยาขนาดบรรจุปริมาณมากกว่าที่ให้มาพร้อมเครื่องด้วย ซึ่งมีราคาที่ถือว่าเหมาะสมกับการทำความสะอาดแผ่นที่คุณรัก

พิเคราะห์ดูแล้ว การทำงานของ RD-VI จะคล้ายๆ กับการใช้งานไดร์เป่าผม แต่มีข้อดีกว่าการล้างแผ่น ปัดฝุ่นบนแผ่นเสียงด้วยแปรงทั่วๆ ไป ซึ่งมันจะขจัดได้เฉพาะฝุ่นตื้นๆ บนพื้นผิวแผ่น

แต่ระบบ ของ Record Doctor ซึ่งทำงานร่วมกันกับความเปียกชื้นรอบๆ แผ่น (ที่ไม่สะอาด) จะช่วยเก็บสิ่งสกปรกที่สะสมที่ลึกลงไปบนผิว และร่องแผ่นด้วยของเหลว และการดูดทำความสะอาดได้ลึกกว่า

ข้อแนะนำคือ เมื่อทำการวางแผ่นเปียกลงไป ให้ใช้ลูกบิดมือหมุน (สเตบิไลเซอร์) และคุณจะต้องเปิดมอเตอร์ และหมุนแผ่นเสียงด้วยตนเองค่อนข้างช้า ด้วยการหมุนสองหรือสามรอบ (15 ถึง 20 วินาที) ต่อการทำความสะอาดหนึ่งหน้าแผ่นเสียง

น่าประทับใจกับวิธีการแบบแมนนวล ของ RECORD DOCTOR VI ที่ทำให้เราสามารถล้างแผ่นได้ด้วยความสะอาดลึกลงไปยิ่งกว่าที่เคยเป็นมา เครื่องรุ่นนี้เหมาะสำหรับคนที่เป็นนักเล่นแผ่นเสียงระบบอนาล็อกตัวจริงทั้งหลาย ในราคาระดับหมื่นต้นๆ เท่านั้นครับ

เพื่อความเข้าใจง่าย ผมขอนำเอาคลิปวิดีโอ จากยูทูปมาพ่วงไว้ช่วงท้ายบทความนะครับ